เมื่อไม่นานมานี้แบรนด์ the Labatorian ได้ออกสินค้าใหม่เพื่อการดูแลสิวแบบครบวงจร ซึ่งน้องผ่านการพัฒนาสูตรเคี่ยวเข็ญออกมาอย่างหนักหน่วง จนได้เป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ แถมเปิดตัวมาแค่แป๊บเดียวก็ Sold out แบบสับ เป็นที่น่าฮือฮามาก
แต่ ทางเพจเราก็ได้มา 1 ชุด จึงขอหยิบมาวิเคราะห์ส่วนผสมและเล่าให้ฟังถึงความน่าสนใจของสินค้าชิ้นนี้ให้ได้ฟังกัน
โดยผลิตภัณฑ์นี้ก็คือ Sheen by the Labatorian ซึ่งมีหน้าตาเป็นแบบนี้

แพคเกจมาในขวดคล้าย Vial พร้อม Applicator ใน 1 กล่องจะประกอบด้วย 2 ชุด

เวลาใช้งานเราจะถอดฝาออก แล้วประกบ Applicator ลงไปแทน ก็จะได้หน้าตาแบบนี้

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 4 – 5

เนื้อผลิตภัณฑ์จะมาในรูปแบบใส มีสีเขียวอ่อนๆ ซึ่งเป็นสีจาก Malachite extract ที่เป็นส่วนประกอบ น้องจะมีประโยชน์อย่างไร เดี๋ยวไปเล่าให้ฟัง ไม่มีกลิ่นเนื่องจากไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ซึมไว แห้งไว ไม่เหนอะหนะ

ในด้านของส่วนผสม ถือว่าจัดเต็มเลยทีเดียวค่ะ

สำหรับคอนเซปท์ของการดูแลสิวของผลิตภัณฑ์นี้ คือมาในคอนเซปท์ 4P ไม่ใช่ Marketing mix Product Price Place Promotion แต่เป็น
- Pre หมายถึง ระยะที่สิวยังอยู่ใต้ผิว เรายังมองไม่เห็น อาจจะกำลังเริ่มมีการอุดตันเกิดขึ้น โดยอาศัย Salicylic acid ที่ไปย่อยสลายเศษซากโคมีโดนอุดตัน (Comedolytic) ในความเข้มข้นตาม Guideline ที่ 2% ร่วมกับ HEPES (Hydroxyethylpiperazine ethane sulfonic acid)
- Present หมายถึง ระยะที่สิวโผล่ขึ้นมาแล้ว ด้วย Oligopeptide-10
- Post หมายถึง การดูแลสิวหลังจากสิวหายไปแต่ทิ้งรอยเอาไว้ ด้วย sh-Oligopeptide-1
- Prevent หมายถึง การดูแลเพื่อไม่ให้สิวโผล่มาใหม่ ด้วยการปรับสมดุลให้แก่ผิว ได้แก่ Alpha-glucan oligosaccharide และ Salicylic acid
สำหรับบทวิเคราะห์ส่วนผสมโดยละเอียดก็จะเป็นดังนี้
เนื่องด้วยเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มดูแลผิวพรรณที่มีปัญหาสิว เลยจะขอหยิบเอาส่วนผสมที่เด่นในแง่ของดูแลสิวมากล่าวถึงก่อน
โดยส่วนผสมที่มีประโยชน์ในการดูแลผิวที่มีปัญหาสิว แทนด้วยสีน้ำตาล
- Salicylic acid จัดเป็น BHA ที่ทางแบรนด์เลือกใช้ในความเข้มข้น 2% ซึ่งเป็นความเข้มข้นที่ได้รับการยอมรับว่ามีประโยชน์ในการลดการอุดตัน (Comedolytic)
- Salix Alba Bark Extract ประกอบด้วย สาร salicin ซึ่งเป็น Salicylic acid ในรูปแบบธรรมชาติที่มีน้ำตาลเกาะอยู่ (เรียก Glycoside) ผิวเราจะสามารถย่อยน้ำตาลตรงนี้ แล้วได้ Salicylic acid กลับมา
- Hydroxyethylpiperazine Ethane Sulfonic Acid หรือ HEPES ลักษณะโครงสร้างเป็น Organosulfur acid มีความเป็นกรดน้อยๆ มีประโยชน์หลายอย่าง เช่น เป็นบัฟเฟอร์ ช่วยควบคุมค่า pH ของตำรับให้คงที่ เติมน้ำให้ผิว มีคุณสมบัติในการผลัดผิวแบบอ่อนๆ ผ่านการทำให้โปรตีนเคราตินบนผิวนุ่ม เกาะกันหลวมลง และหลุดออกไปได้ง่ายตามธรรมชาติ อาจกล่าวโดยอ้อมๆ ว่า ลดการอุดตันได้อีกทาง
- Oligopeptide-10 เป็นเปปไทด์สายสั้นๆ ที่มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ มีรายงานว่าเมื่อใช้ร่วมกับ Salicylic acid จะได้ประสิทธิภาพในการดูแลสิวที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยดูแลเรื่องรอยแดง โดยไปยับยั้งพวกสารก่อการระคายเคืองจากแบคทีเรีย ดูแลการระคายเคือง และจุดด่างดำไปพร้อมๆ กัน
สีชมพู เน้นไปที่ด้าน Whitening เพื่อดูแลรอยดำ มีส่วนผสม 2 ชนิด ได้แก่
- วิตามินบี 3 ซึ่งให้ประโยชน์ในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น ลดการสร้างน้ำมันส่วนเกิน ดูแลเรื่องการอักเสบระคายเคือง เสริมการสร้างไขมันที่เป็น Barrier ผิว ดูแลเรื่องรอยแดง และให้ประโยชน์เรื่องสิว
- Nonapeptide-1 เป็นเปปไทด์ที่ออกฤทธิ์ต่อต้านฮอร์โมน MSH (Melanocyte stimulating hormone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ไปกระตุ้นเซลล์สร้างเม็ดสี Melanocyte ให้เกิดการสร้างเมลานินออกมาในระยะต่อไป เมื่อ MSH ถูกยับยั้งไป การสร้างเม็ดสีก็จะน้อยลง โดยปกติการอักเสบที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับสิว ก็จะไปกระตุ้นให้ Melanocyte ทำงาน จนเกิดเป็นรอยดำ (Post-inflammatory hyperpigmentation) ตัวนี้ก็น่าจะได้ประโยชน์ในการดูแลรอยดำจากสิว
สารสีเหลืองส้ม ดูแลเรื่อง Microbiome นั่นคือ Alpha-glucan oligosaccharide ซึ่งเป็นสารอาหารกลุ่ม prebiotic ที่เป็นอาหารของจุลินทรีย์ชนิดดี หรือ probiotic บนผิว ให้ผิวแข็งแรง ดูแลเรื่องการเกิดสิวอ้อมๆ
สีน้ำเงิน มี sh-Oligopeptide-1 ที่เด่นเรื่องของการดูแลริ้วรอย โดยเป็น Epidermal growth factor (EGF) เสริมการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนของผิว ซึ่งน่าจะได้ประโยชน์อ้อมๆ ในการดูแลหลุมสิว ซึ่งมีการศึกษารองรับอยู่หลายชิ้น ส่วนหนึ่งได้แก่ คุณสมบัติในการลดการเกิดสิวและสิวอักเสบ รวมไปถึงเพิ่มความชุ่มชื้นและควบคุมความมันของอาสาสมัคร (Int J Dermatol. 2014;53(8):1031-6.) ลดริ้วรอย กระชับรูขุมขนและปรับ Texture ของผิวให้เรียบเนียนขึ้น (J Drugs Dermatol. 2012;11(5):613-20.)
สีม่วง เป็นกลุ่มไขมันและสารที่เป็นองค์ประกอบของ Barrier ผิว ให้ผิวแข็งแรง ได้แก่ Ceramide NP, Ceramide AP, Ceramide EOP, Phytosphingosine, และ Cholesterol มากันแบบฉ่ำใจ
สีฟ้า เป็นสารเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวเป็นหลัก ขอหยิบเอาบางตัวที่น่าสนใจมาเล่า ได้แก่
- Glyceryl glucoside เปิดมาก็ไม่ธรรมดาเลย น้องเป็นสารเพิ่มความชุ่มชื้นโดยการดูดน้ำให้ผิว มีรายงานวิจัยรองรับถึงความสามารถในการฟื้นฟู Barrier ของผิว ประสิทธิภาพนี้จะเพิ่มขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับ Glycerin สารนี้ยังสามารถกระตุ้นการสร้างโมเลกุลของโปรตีนที่ชื่อ Aquaporin-3 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการส่งผ่านของน้ำและ Glycerin เข้าสู่ผิว (Skin Pharmacol Physiol. 2012;25(4):192-9.)
- Panthenol หรือ Provitamin B5 นอกจากประโยชน์ในด้านความชุ่มชื้นแล้ว นางยังเด่นในด้านของการดูแลเรื่องการอักเสบระคายเคือง และเสริมกระบวนการฟื้นฟู Barrier ชองผิว
- Acetamide MEA เป็นสารเพิ่มความชุ่มชื้นที่ดีไม่แพ้ Glycerin แต่ไม่เหนอะหนะ อาจจะได้เรื่องความสบายผิว (Soothing) อยู่ด้วย
- Sodium polyglutamate เป็นรูปเกลือของ Polyglutamic acid (PGA) ที่ได้จากการหมักถั่วหมักนัตโตะ มีประโยชน์ในการเพิ่มความชุ่มชื้น พร้อมทั้งอาจเพิ่มปริมาณของ สารจับน้ำตามธรรมชาติ (Natural moisturizing factor; NMF) ในผิว และมีการเคลมเกี่ยวกับเรื่องการดูแลการระคายเคืองผิว
- Cocamidopropyl PG-Dimonium Chloride Phosphate น้องชื่อยาวๆ นี่ เป็น Phospholipid ที่ดัดแปลงมาจากน้ำมันมะพร้าว ที่เคลือบ/เกาะติดผิวได้ดี มีความอ่อนโยน ช่วยปรับสภาพผิวให้นุ่มนวล และเพิ่มความชุ่มชื้น พร้อมดูแลเรื่องการระคายเคือง
กลุ่มสีเขียว สารบำรุงที่เด่นเรื่องการดูแลการระคายเคืองผิว มีด้วยกันหลายชนิดเช่นกัน ขอหยิบเอาบางตัวมาพูดถึง
- สารสกัดจากใบบัวบกที่มีประโยชน์ที่ดีกับผิวหลายประการ เช่น การเสริมการสังเคราะห์คอลลาเจนให้ผิว เป็น Antioxidant ที่ดี เสริมกระบวนการสมานผิวตามธรรมชาติ ซึ่งอาจจะได้ประโยชน์เรื่องหลุมสิว
- Biosaccharide gum-2 เป็นคาร์โบไฮเดรตที่ได้จากเทคโนโลยีชีวภาพ ประกอบด้วยน้ำตาล Rhamnose เป็นหลัก ซึ่งสามารถไปจับกับตัวรับบนผิว Keratinocyte ที่เกิดความเสียหายจากการอักเสบ หรือความเครียด มอบ Soothing effect และให้ประโยชน์ในการดูแลรอยแดง
- Acetyl Dipeptide-1 Cetyl Ester เป็นเปปไทด์ที่น่าสนใจตัวหนึ่ง ให้ความรู้สึกสบายผิว และดูแลเรื่องความรู้สึกระคายเคือง
- Allantoin, Betaine, สารสกัดจาก Boswellia เด่นในแง่ของการดูแลเรื่องการระคายเคือง และให้ Soothing effect
สารสีแดงส้ม เป็นสารบำรุงอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่จะเด่นด้าน Antioxidant ได้แก่
- Chlamydomonas reinhardtii extract เป็นสารสกัดจากสาหร่าย Microalgae ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่ม Carotenoid อย่าง lutein และ neoxanthin อยู่เยอะ ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบเคลมว่า มีคุณสมบัติต่อต้านกระบวนการ ‘Inflam-aging’ ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากปฏิกิริยาการอักเสบ ที่ไปเหนี่ยวนำให้เกิดอนุมูลอิสระ และทำให้เอนไซม์ MMP ไปย่อยสลายคอลลาเจน และองค์ประกอบอื่นๆ จนเกิดเป็นริ้วรอยขึ้นมา นอกจากนี้ยังเสริมกระบวนการผลัดผิว และเพิ่มความชุ่มชื้น
- Malachite extract สารที่เตรียมได้จากการบดและย่อยหิน Malachite ที่ประกอบด้วยทองแดงด้วยกรด และสะเทินกลับด้วย Sodium bicarbonate ประกอบด้วยแร่ธาตุทองแดง (Copper) อยู่มาก มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant ที่ดี ปกป้องผิวจากมลภาวะ ความเครียด และรังสี UV และมีข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบเคลมเรื่องของการดูแลริ้วรอย
- สารสกัดจากใบ Blackcurrant (Ribes Nigrum Leaf Extract) มีรายงานการวิจัยรองรับถึงประสิทธิภาพในการต่อต้านอนุมูลอิสระ และการอักเสบระคายเคือง (Tabart et al. Food Chem. 2012;131(4):1116-1122.)
- ตัวเบลนด์กันระหว่าง Glycerin (and) Ribes nigrum (blackcurrant) leaf extract (and) Rubus idaeus (raspberry) leaf extract น่าจะหมายถึงสารที่มีชื่อทางการค้าว่า Seboxyl® ซึ่งเป็นวัตถุดิบจากทางฝั่งฝรั่งเศส เด่นเรื่องของการปกป้องผิว ในคนที่มีผิวมันเป็นพิเศษ โดยจะไปป้องกันไม่ให้ Squalene ใน Sebum บนผิวถูกออกซิไดส์ (หรือ ที่เรียกว่าเกิด Lipid peroxidation) ด้วยอนุมูลอิสระ หรือความเครียด หรือรังสียูวี ตรงนี้มีเรื่องเล่าเพิ่มค่ะ
ใน Sebum ของคนเราจะมีไขมันชนิดพิเศษหลายชนิดที่ไม่เจอบริเวณอื่น 1 ในนั้น คือ Squalene ซึ่งมีความอิ่มตัวสูงมาก โดยแค่น้องออกมาภายนอกแล้วโดย UV ฉายใส่แป๊บเดียว ก็จะถูกออกซิไดส์ ได้เป็น Squalene peroxides (ขอเรียกย่อว่า SP) หลายชนิด 1 ในนั้นที่มีความสำคัญในการเกิดสิว คือ Squalene monoperoxide ซึ่ง มีการทดลองในระดับเซลล์พบว่า Squalene monoperoxide นั้นเป็นพิษกับเซลล์ผิว (Keratinocyte) ไปกระตุ้นให้เกิดกระบวนการอักเสบ และมีผลในการกระตุ้นให้เกิดการอุดตัน (Comedogenic)
มีการศึกษาพบว่า ยิ่งถ้ามีระดับของ SP มาก ก็จะยิ่งมีขนาดของเม็ด Comedone ที่อุดตันอยู่ภายในปากปล่องของรูขุมขนใหญ่ขึ้น และมีการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนของเซลล์ Sebocyte ในต่อมไขมันมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การสร้าง Sebum ออกมามากขึ้น
SP ยังไปกระตุ้นให้เกิดการปลดปล่อยสารก่อการอักเสบกลุ่ม IL-6 ออกมา ซึ่งไปทำให้เกิดกระบวนการอักเสบต่างๆ ต่อไป โดยปกติใน Sebum จะมีวิตามินอี ที่คอยมาจัดการเจ้า SP แต่ถ้ากระบวนการ Lipid peroxidation เกิดขึ้นมาก ปริมาณของวิตามินอีใน Sebum ก็จะน้อยลง และก็พบว่ามีความสัมพันธ์กับความรุนแรงของสิวด้วย โดยถ้าสิวมีความรุนแรงมาก Squalene ก็จะเกิดการ Oxidized ไปมากด้วย และวิตามินอีก็จะลดลงมากด้วย (Ottaviani et al. Mediators of inflammation. 2010:858176.)
เราสามารถสรุปความร้ายกาจของ SP ได้ประมาณภาพนี้ค่ะ
ทีนี้เจ้า Seboxyl® น้องไปยับยั้งการเกิด Lipid peroxidation ของ Squalene ก็เลยไม่เกิดสิ่งต่างๆ เหล่านี้ตามมา ซึ่งก็ถือว่าน่าสนใจมากเลยทีเดียว
ตรงนี้มีแบบเป็น วีดีโอ ด้วยนะคะ
- Phalaenopsis sogo yukidian extract สารสกัดจากดอกกล้วยไม้ ซึ่งเป็น Antioxidant และอาจจะได้ประโยชน์เรื่อง Whitening ด้วยนิดหน่อย
สรุป คือ ในภาพรวมของสารบำรุงผิวที่ใส่มาคือ ดิฉันอยากเทอาบ ไม่ใช่สิ
เอาใหม่ ในภาพรวมของสารบำรุงผิวที่ใส่มาเรียกได้ว่าดูแลผิวพรรณที่มีปัญหาสิวได้ครบทั้งวงจร ในทุกสเต็ปของการเกิดสิว ตามคอนเซปท์ 4P ที่แบรนด์เสนอมา คือ Pre ลดการอุดตันก่อนสิวจะโผล่มาก่อกวน Present ดูแลสิวที่มากวนใจอยู่ Post ดูแลรอยสิว แบบครบจบทั้งรอยแดง รอยดำ รอยหลุม คือสารบำรุงมาครบ และ Prevent ปรับสมดุล Microbiome พร้อมผลัดผิวอย่างๆ อ่อนๆ ป้องกันการอุดตันใหม่
ซึ่งนอกจากเรื่อง 4P แล้ว ที่เด่นชัดมากคือ เรื่องของการดูแลเรื่องการอักเสบและระคายเคืองผิวที่มาแบบจัดเต็ม เสริมกันจนแทบจะกลบทุกกลไก ดูแล Barrier ผิวไปด้วยพร้อมๆ กัน ชนิดที่ว่าถ้าไม่ฉ่ำวันนี้จะฉ่ำวันไหน
ส่วนผสมอื่นๆ ก็คือเลือกมาได้ค่อนข้างดี ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว
มาให้คะแนนกันดีกว่า
- สารบำรุง ทำมาได้ค่อนข้างดีสำหรับผิวพรรณที่มีปัญหาสิว ซึ่งมักจะพบกับปัญหาหลายๆ อย่างมากวนใจ เช่น การระคายเคือง รอยแดง รอยดำ พอใช้ยาสิวผิวก็จะแห้ง ระคายเคืองง่ายไปอีก น้องทำมาได้ตอบโจทย์และดูแลได้อย่างครอบคลุม ดังที่ได้เล่าให้ฟังในด้านบน ให้ไป 5 ฟลาสก์
- เนื้อหลัก/Base ทำมาในเบสน้ำ ที่เหมาะกับคนผิวมัน มีสารเสริมความชุ่มชื้นอยู่หลายตัว ให้ไป 5 ฟลาสก์
- สารปรุงแต่ง/Additive ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีจุดให้หักคะแนน รับไป 5 ฟลาสก์
ด้วยความที่ช่วงนี้ไม่มีสิว เลยไม่ได้ให้คะแนนด้านการใช้งาน แต่จะบอกว่า เนื้อน้องบางเบามาก ไม่เหนอะหนะ และตัวเองมีผิวผสม/แห้ง เห็นส่วนผสมก็อยากใช้เลย ลองใช้ในขั้นตอนของ Essence ลงก่อนใช้สกินแคร์อื่น ก็คือชอบมากๆ ที่เด่น ก็คือ ด้านของความรู้สึกไม่สบายผิวในระหว่างวันมันลดลงไปเยอะ จะติก็แค่อย่างเดียว คือ ดิฉันพกพาไปใช้ตอนเดินทางไม่ได้

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ the Labatorian ด้วยนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาให้ได้เปิดหูเปิดตา และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ
IG : the_labatorian
Line official : @labatorian
Facebook : Labatorian
Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ the Labatorian การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ
