Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม Coconut anti-hair loss Hair tonic ดูแลปัญหาผมร่วง ผสานนวัตกรรมภูมิปัญญาไทยและสารบำรุงระดับโลก

Blog นี้มีรีวิวและวิเคราะห์ส่วนผสม Hair tonic ดูแลปัญหาผมร่วงที่น่าสนใจมาฝากกัน

ถ้าพูดถึงแบรนด์ Tropicana หลายๆ ท่านอาจเป็นลูกค้าประจำของทางแบรนด์อยู่แล้ว เพราะว่าแบรนด์นี้มีชื่อเสียงมากเรื่องน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นที่ส่งออกไปนานาประเทศทั่วโลกเลยก็ว่าได้

ตอนนี้ทางแบรนด์มีผลิตภัณฑ์กลุ่มสกินแคร์ และ ดูแลเส้นผมออกมาหลายชิ้น

วันนี้เลยได้โอกาสขอหยิบเอา Hair tonic ที่ทางแบรนด์พึ่งพัฒนาออกมามาวิเคราะห์ส่วนผสมกันสักหน่อย

น้องมีชื่อเต็มๆ ว่า Coconut anti-hair loss hair tonic

ซึ่งมาในขวดสเปรย์ที่มีหน้าตาแบบนี้ค่ะ

ผลิตภัณฑ์มาในเนื้อแบบใส มีสีเหลืองอ่อนๆ นวลๆ โดยทางแบรนด์ไม่ได้ใช้สี ดังนั้นนี่เป็นสีของสารบำรุงในตำรับเลยค่ะ และแต่งกลิ่นมาหอมดี

ตัวสเปรย์ เวลาใช้งานลงบนหนังศีรษะ ไม่ทำให้ผมพันกัน ไม่รู้สึกแห้งหรือว่าระคายเคือง และให้กลิ่นที่หอม

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5

ก่อนไปดูส่วนผสม ขอเล่าเรื่องการเจริญของผมหน่อยนะคะ

ผลของคนเรามีระยะการเจริญอยู่ 3 ระยะหลักๆ ได้แก่

  1. Anagen เป็นระยะที่เส้นผมกำลัง Active เป็นระยะที่ผมเรางอกยาวออกมา เซลล์ต่างๆ ในรากผมทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง
  2. Catagen เป็นระยะที่เส้นผมเริ่มหยุดสร้างตัวเอง กลายร่างเป็น Club hair
  3. Telogen เป็นระยะสุดท้ายที่ผมนั้นพร้อมหลุดออกไปได้เมื่อมีแรงมากระทำ

ซึ่งในคนปกติที่สุขภาพดี เมื่อถึง Telogen แล้ว รากผมก็จะเปลี่ยนตัวเองเพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ Anagen อีกรอบค่ะ ทำให้เรามีผมตลอดเวลาไม่มีระยะผลัดขนเหมือนสัตว์บางชนิด

     โดยในปัจจุบันมีการเพิ่มชื่อระยะเข้ามาอีกนิดหน่อยค่ะ ที่สำคัญมี 2 คำ ได้แก่

  • Exogen เป็นระยะหลัง Telogen ที่ผมหลุดออกไป แล้วรากผมนั้นก็จะเข้าสู่อีกระยะหนึ่ง ที่เรียกว่า
  • Kenogen ซึ่งเป็นระยะที่รากผมยังไม่มีผมเส้นใหม่ออกมา ภายในนั้นยังว่าง ก่อนเข้าสู่ Anagen ใหม่

โดยมีการพบว่า ในสภาวะที่ผมร่วงแบบผิดปกติบางชนิด เช่น ผมร่วงจากฮอร์โมนเพศชาย ทำให้ Kenogen ยาวนานขึ้น ผมอยู่ใน Telogen เยอะขึ้น และมีสัดส่วนของ Anagen ลดลง

และอีกเรื่องจะเป็นเรื่องของเอนไซม์ 5alpha-reductase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ไปเปลี่ยน Testosterone ให้กลายเป็นฮอร์โมน Dihydrotestosterone (DHT) ที่มีฤทธิ์แรงขึ้น ทำให้ผมร่วงผ่านหลายๆ กลไก รวมทั้งทำให้รากผมมีขนาดเล็กลง (Hair follicular miniaturization) ถ้าเป็นที่ต่อมไขมัน DHT จะทำให้มีการสร้างไขมัน (Sebum) ออกมามากขึ้น

ป่ะ มาดูส่วนผสมกัน

สำหรับส่วนผสมที่ให้ประโยชน์ในด้านการดูแลผมร่วงและเสริมกระบวนการงอกใหม่/เจริญของผม ได้แก่

  • Eclipta prostata leaf extract หรือ ในชื่อไทย ใบกะเม็ง ในทางอายุรเวทเรียกว่า Bhringraj ใช้เพื่อประโยชน์หลายประการ รวมทั้งดูแลผมร่วง (Biomolecules. 2021 Nov; 11(11): 1738.) ในส่วนของข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบหลายเจ้า ระบุว่า สารสกัดนี้มีประโยชน์ในการเสริมกระบวนการเจริญของผม ช่วยให้เส้นผมแข็งแรง ลดการขาดหลุดร่วง มีรายงานการวิจัยในหนูทดลองพบว่าสารสกัดเสริมกระบวนการงอกของผม ปรับการเจริญของผมให้กลับมาสู่ Anagen phase (ระยะที่ผมเจริญ) ผ่านการกระตุ้น FGF-7 ทำให้รากผมเข้าสู่ Anagen (Lee et al., Pharm Biol. 2019;57(1):105-111.)
  • Serenoa rapens fruit extract หรือ สารสกัดจาก Saw palmetto ซึ่งมีรายงานถึงฤทธิ์ในการยับยั้งเอนไซม์ 5alpha-reductase ซึ่งเมื่อไปยับยั้งแล้วจะช่วยดูแลภาวะผมร่วงจากฮอร์โมนเพศชาย พร้อมทั้งควบคุมความมันของหนังศีรษะไปได้อีกทาง
  • Emblica officinalis extract หรือ สารสกัดจากมะขามป้อม ที่เด่นในแง่ของการเป็น Antioxidant และมีการใช้ในตำรับแผนไทยและอายุรเวทเพื่อดูแลผิวพรรณ และเส้นผมหลายตำรับ รวมทั้งมีการเก็บไว้ในระบบนำส่งรูปแบบ transfersomes พบว่าสามารถนำส่งสารเข้าไปในรากผม และกระตุ้นการเจริญของรากผมได้ในระดับหลอดทดลอง (J Oleo Sci. 2022;71(7):1085-1096.) ในส่วนของการทดสอบทางคลินิก เป็นการทดสอบในรูปแบบรับประทานในกลุ่มอาสาสมัครหญิงที่มีปัญหา Female androgenic alopecia พบว่าการทานสารสกัดมะขามป้อมช่วยเสริมการงอกของผมโดยไปเพิ่มสัดส่วนของผมในระยะ Anagen (J Ethnopharmacol. 2024;318(Pt A):116958.)
  • Panax ginseng root extract สารสกัดจากโสม ประกอบด้วยพฤกษเคมีในกลุ่ม Ginsenoside หลายชนิดที่มีรายงานว่ามีประโยชน์ในกระบวนการเสริมการเจริญของเส้นผม รวมทั้งมีรายงานถึงคุณสมบัติในการยับยั้งเอนไซม์ 5alpha-reductase
  • Biotin และ Panthenol เป็นวิตามินที่เด่นในแง่ของการเสริมกระบวนการเจริญของเส้นผม
  • น้ำมะพร้าว ประกอบด้วยวิตามินและสารบำรุงหลายชนิด ที่นอกจากจะช่วยให้หนังศีรษะชุ่มชื้น อาจจะให้ประโยชน์ในเรื่องของการให้ความรู้สึกสบายหนังศีรษะ (Soothing)

สารบำรุงอื่นๆ มีที่น่าสนใจอีกหลายชนิด ได้แก่

  • Hydrolyzed soy protein เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่หนังศีรษะ
  • Zinc PCA ควบคุมความมันของหนังศีรษะ
  • Niacinamide และ Pyridoxine (B6) ดูแลเรื่องการอักเสบระคายเคือง
  • Arginine และ Citrulline มีการค้นพบว่าในโครงสร้างส่วนของ Medulla และ inner root sheath ของเส้นผมจะมีโปรตีนที่มีองค์ประกอบพิเศษกว่าบริเวณอื่น โดยมี Arginine อยู่มาก เมื่อเส้นผมเจริญจะเกิดกระบวนการ transamidase เปลี่ยนจาก Arginine เป็น Citrulline ในส่วนของ trichohyalin granules (Biochim Biophys Acta. 1977;495(1):159-75.) ซึ่งคาดการณ์ว่าการเสริม Arginine-citrulline อาจจะมีประโยชน์ในการเสริมกระบวนการเจริญของเส้นผมก็เป็นได้

Combination ของ Zinc และ Arginine มีการทดสอบในอาสาสมัครอยู่ชิ้นหนึ่ง โดยแบ่งอาสาสมัคร 40 คน เป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งให้ใช้โลชั่นที่มี Zinc และ Arginine อีกกลุ่มเป็นเบส เป็นเวลา 23 สัปดาห์ พบว่า กลุ่มที่ได้รับ Zinc และ Arginine มีการทำงานของเอนไซม์ 5alpha-reductase ในรากผมน้อยกว่า เส้นผมหลุดร่วงยากกว่าเมื่อทดสอบด้วย Pull test และมีสัดส่วนของรากผมที่เป็น Anagen มากกว่ากลุ่มที่ได้รับโลชั่นเบส (Ital J Dermatol Venerol. 2022;157(1):78-83.)

ในส่วนของเบสมีส่วนผสมของสารเพิ่มความชุ่มชื้น (Humectant) หลายตัว และไม่มีส่วนผสมของ Alcohol

รวมทั้งใช้สาร Dimethyl isosorbide (DMI) เป็นตัวเสริมการดูดซึมสารผ่านหนังศีรษะ (Penetration enhancer)

มาให้คะแนนกัน

  1. สารบำรุง ส่วนผสมที่ทางแบรนด์เลือกมา ดูแลเรื่องผมร่วงผ่านหลายๆ กลไกไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการบล็อกผลของฮอร์โมนผ่านการยับยั้งเอนไซม์ 5alpha-reductase เสริมการเจริญโดยปรับให้รากผมเข้าสู่ Anagen เสริมความแข็งแรงให้แก่รากผมและเส้นผม ควบคุมความมันของหนังศีรษะ ดูแลเรื่องการระคายเคือง ให้คะแนน 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ทำมาได้ค่อนข้างดี และไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีที่ให้หักคะแนน รับไป 5 ฟลาสก์
  3. ความชอบ ในด้านของการทำสูตร มองว่าเลือกคอมบิเนชั่นของสารสกัดจากสมุนไพรในตำรับแผนโบราณทั้งไทยและอายุรเวทมารวมกันได้อย่างลงตัว ผสานด้วยสารบำรุงสมัยใหม่ และเสริม DMI เพื่อเพิ่มการดูดซึม ฟอร์มูเลทมาในเบสที่ดี ในด้านของการใช้งานตัว Hair tonic มีกลิ่นหอม ส่วนตัวใช้ก่อนนอน สเปรย์แล้วแห้งไว ซึมไว ไม่เหนอะหนะ ผมไม่จับตัวเป็นลิ่มๆ ไม่ระคายเคือง ในด้านของผมหลุดร่วง ส่วนตัวรู้สึกว่าหลังจากใช้มาประมาณ 2 อาทิตย์ ตอนสระกับตอนหวีหลุดร่วงลงมาให้เห็นน้อยลงกว่าเดิม โดยรวมถือว่าประทับใจ ให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ Tropicana ที่ส่งสินค้าดีๆ มาให้ได้เปิดหูเปิดตา และได้เรียนรู้ และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/tropicanaoilfanpage

ทางไปตำ

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.KV6WK?cc

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/VnK2IKfa8

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Tropicana การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม สเปรย์ดูแลผมบางผมร่วง Vichy Dercos Technique Densi-Solutions Hair mass recreating concentrate

ในส่วนของ Blog นี้จะขอวิเคราะห์ส่วนผสมแชมพูและบาล์มบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะของ Vichy Dercos Technique รุ่น Densi-solutions

โดยผลิตภัณฑ์ในไลน์ของ Densi-solutions นั้น ออกแบบมาให้ตอบโจทย์ผู้ที่มีปัญหาผมเส้นเล็ก ลีบแบน เพื่อเพิ่มวอลุ่ม และช่วยให้เส้นผมแข็งแรงขึ้น ซึ่งมีด้วยกัน 3 ผลิตภัณฑ์

ซึ่งใน Blog ก่อนหน้านี้ ได้หยิบเอาบาล์มบำรุงเส้นผม และแชมพูมาวิเคราะห์ส่วนผสมไปแล้ว

ท่านที่พลาดไปสามารถติดตามไปอ่านได้ที่ลิงค์นี้ได้เลย

>>Click<<

Blog นี้เลยขอเอาสเปรย์บำรุงหนังศีรษะที่มีชื่อว่า Hair mass recreating concentrate มาวิเคราะห์ส่วนผสมต่อ

ซึ่งน้องมาในหน้าตาแบบนี้

ตัวผลิตภัณฑ์มาในคอนเซปท์ 3 ประการ คือ “เพิ่ม คืน และ บำรุง” ออกแบบมาสำหรับผู้มีปัญหาผมขาดหลุดร่วงดูลีบแบน เพื่อเส้นผมที่ดูหนาขึ้นใน 6 สัปดาห์

  1. เพิ่ม ความหนาให้ผมใหม่
  2. คืน วอลลุ่มให้ผมลีบแบน ดูสุขภาพดี
  3. บำรุง หนังศีรษะและเส้นผมให้แข็งแรง

โดยส่วนผสมหลักที่เป็นเหมือน Hero มีด้วยกัน 3 อย่าง คือ Stemoxydine + Resveratrol + Rhamnose

หน้าตาน้องแบบมีกล่องเป็นแบบนี้ค่ะ

(Image from Vichy UK)

ก่อนไปเล่าถึงกลไกของสารบำรุงในผลิตภัณฑ์ อยากเล่าเรื่องการเจริญของผมเล็กน้อย

ผลของคนเรามีระยะการเจริญอยู่ 3 ระยะหลักๆ ได้แก่

  1. Anagen เป็นระยะที่เส้นผมกำลัง Active เป็นระยะที่ผมเรางอกยาวออกมา เซลล์ต่างๆ ในรากผมทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง
  2. Catagen เป็นระยะที่เส้นผมเริ่มหยุดสร้างตัวเอง กลายร่างเป็น Club hair
  3. Telogen เป็นระยะสุดท้ายที่ผมนั้นพร้อมหลุดออกไปได้เมื่อมีแรงมากระทำ

ซึ่งในคนปกติที่สุขภาพดี เมื่อถึง Telogen แล้ว รากผมก็จะเปลี่ยนตัวเองเพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ Anagen อีกรอบค่ะ ทำให้เรามีผมตลอดเวลาไม่มีระยะผลัดขนเหมือนสัตว์บางชนิด

     ในปัจจุบันมีการเพิ่มชื่อระยะเข้ามาอีกนิดหน่อยค่ะ ที่สำคัญมี 2 คำ ได้แก่

  • Exogen เป็นระยะหลัง Telogen ที่ผมหลุดออกไป แล้วรากผมนั้นก็จะเข้าสู่อีกระยะหนึ่ง ที่เรียกว่า
  • Kenogen ซึ่งเป็นระยะที่รากผมยังไม่มีผมเส้นใหม่ออกมา ภายในนั้นยังว่าง ก่อนเข้าสู่ Anagen ใหม่

โดยมีการพบว่า ในสภาวะที่ผมร่วงแบบผิดปกติบางชนิด เช่น ผมร่วงจากฮอร์โมนเพศชาย ทำให้ Kenogen ยาวนานขึ้น ผมอยู่ใน Telogen เยอะขึ้น และมีสัดส่วนของ Anagen ลดลง

ส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

สำหรับสารบำรุงแรก ก็จะเป็น Stemoxydine ซึ่ง Story ต้องมาแล้วนิดหน่อย

Stemoxydine มีชื่อกลางทางเครื่องสำอาง (INCI name) ว่า Diethyllutidinate มีสูตรโครงสร้างดังภาพ

(Image from Wikipedia)

น้องมีชื่อทางเคมีว่า Diethyl pyridine-2,4-dicarboxylate

Stemoxydine เป็นสารนวัตกรรมสิทธิบัตรของเครือ L’Oréal ซึ่งส่วนตัวเองก็มีโอกาสได้สัมผัสกับสารตัวนี้มาหลายปีแล้ว โดยเริ่มจากน้อง Vichy รุ่น Vichy’s dercos technique neogenic hair renewal treatment ซึ่งออกมาสู่ตลาดนานมากแล้ว (ถ้าอิงจากบทความบนเว็บ Cosmetic design Europe ก็คือ ออกมาในเดือน เมษายน ปี 2012 Ref: McDougall A. (2012). https://www.cosmeticsdesign-europe.com/Article/2012/06/21/L-Oreal-to-launch-new-active-to-increase-hair-density) จุดเด่นที่สะดุดตาก็คงเป็นนวัตกรรม Package ที่ดีไซน์ออกมาได้ให้ประสบการณ์ใหม่กับผู้บริโภค

รูปตั้งแต่สมัยนั้น ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่

โดยเราต้องเสียบหลอด vial ของเขาเข้าไปใน Dispenser ตัวนี้ แล้วก็บีบใช้งาน ตัวสารละลายก็จะไหลออกมาจาก จงอยปากที่เป็นสีเงิน

ต่อมาก็มาเจอกับน้องอีกรอบใน Serioxyl denser hair จาก L’Oréal ขวดน้ำเงินแบบนี้ ตัวนี้ใช้ Stemoxydine 5% + Resveratrol เพื่อเป็น Antioxidant โดยมีการศึกษาในอาสาสมัครพบว่าเมื่อใช้ไป 6 สัปดาห์ จะมีผมขึ้นใหม่ 1000 เส้น ก็ใช้กันมาได้ขวดครึ่ง จนมาเจอกับน้อง Densi-solution ขวดนี้แหละ

จะขออวยยศตัวเองเป็นแฟนพันธุ์แท้ Stemoxydine ก็คงไม่น่าจะเกินจริง

สำหรับคุณสมบัติและกลไกการออกฤทธิ์ของ Stemoxydine นั้นก็คือแปลก เด่น และน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

  • การทดสอบในระดับเซลล์เพาะเลี้ยง พบว่า Stemoxydine ไปยับยั้งเอนไซม์ prolyl-4-hydroxylase (P4H) ที่อยู่ในบริเวณ Outer root sheath (ORS) ในบริเวณรากผม ซึ่งเอนไซม์นี้จะไปสลาย hypoxia-inducible transcription factor (HIF1) ซึ่งปกติ HIF1 จะจำเป็นในการทำงานของ Stem cell ที่ ORS ทำให้เกิดการแบ่งตัว และเส้นผมก็เจริญออกมา การมี P4H จะไปทำลาย HIF1 ทำให้ Stem cell ที่บริเวณรากผมทำงาน แบ่งตัวและเปลี่ยนแปลงโครงสร้างได้น้อยลง ผมเลยไม่เกิดใหม่ แต่พอให้ Stemoxydine เข้าไป ทำให้ HIF1 ยังคงอยู่ Stem cell เหล่านี้ก็เลยเกิดการแบ่งตัวออกมาเป็นเส้นผม (Oral presentation O10. Int J Trichology. 2014; 6(3): 113–139.)
  • งานวิจัยของ Raygagne เมื่อปี 2014 พบว่า Stemoxydine ที่ความเข้มข้น 5% สามารถเพิ่มความหนาแน่นของผมในกลุ่มอาสาสมัครที่เป็นโรคศีรษะล้านจากฮอร์โมนเพศชาย (Androgenic alopecia, AGA) เมื่อเวลาผ่านไป 3 เดือน และลดระยะเวลาของ Kenogen ลง เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์เบสที่ไม่มี Stemoxydine (Oral presentation O11. Int J Trichology. 2014; 6(3): 113–139.)
  • ต่อมา งานวิจัยของ Juchaux และคณะ เมื่อปี 2020 ได้ศึกษาผลของ Stemoxydine (Diethyl pyridine-2,4-dicarboxylate) คู่กับ Resveratrol ในระดับเซลล์เพาะเลี้ยง ก่อนจะเอาไปศึกษาต่อในอาสาสมัคร ผลการทดสอบในเซลล์เพาะเลี้ยง พบว่า Stemoxydine เสริมฤทธิ์กับ Resveratrol ในการเสริมการทำงานของ hypoxic inducible factor-1 (HIF1) ต่อมาเอาสูตรผสมของ Stemoxydine กับ Resveratrol ไปศึกษาในอาสาสมัครเพศหญิง พบว่า ผมหนาขึ้นในช่วง 1 เดือนครึ่ง (Juchaux et al. Int J Cosmet Sci. 2020;42(2):167-173.)

สารบำรุงอื่นๆ ได้แก่

  • Resveratrol คือ สารจากธรรมชาติกลุ่ม stilbenoids ที่จัดเป็น Polyphenol พบได้ในพืชหลายชนิด รวมถึง เปลือกและเมล็ดขององุ่นแดง และในไวน์แดง เป็น Antioxidant ที่ดี มีรายงานถึงคุณสมบัติในการลดการอักเสบ มีการทดสอบในหนูทดลองพบว่า Resveratrol สามารถกระตุ้นการเจริญของขนในหนูได้ และเปลี่ยนผมระยะ Telogen กลับเป็น Anagen มากขึ้น การทดสอบในเซลล์เพาะเลี้ยงพบว่า Resveratrol ไปเสริมให้เซลล์ Dermal papilla ที่เป็นเหมือนห้องอาหารของเส้นผมทั้งเส้นแบ่งตัวเพิ่มจำนวนมากขึ้น และปกป้องไม่ให้ Dermal papilla ถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ (Zhang et al., Clin Cosmet Investig Dermatol. 2021;14:1805-1814.)
  • Rhamnose เป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวชนิดหนึ่ง พบได้ในพืชหลายชนิด และใน Microalgae บางสายพันธุ์ รวมถึงได้จากกระบวนการทาง Biotechnology (การหมัก) ส่วนของน้ำตาล Rhamnose มีรายงานทางด้านการใช้ในผิวพรรณเป็นส่วนใหญ่ ถ้าในระดับของงานวิจัย มีข้อมูลอยู่ว่า Rhamnose น้องเด่นทั้งในด้านของการกระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจน 1 และคอลลาเจน 4 ที่ชั้น Dermis และ Dermal-epidermal junction ในผิวหนังจำลอง (Int J Cosmet Sci. 2019;41(3):213-220.) ส่วนหนึ่งก็เกี่ยวข้องกับการยึดเกาะของตัวโครงสร้างรากผม กับชั้นผิว ถ้ามีคอลลาเจนหนาแน่น รากผมก็จะแข็งแรง จึงให้ประโยชน์ด้านการดูแลเรื่องการขาดหลุดร่วงของเส้นผม ข้อมูลจากผู้ผลิตวัตถุดิบระบุว่า Rhamnose นั้นสามารถให้ประโยชน์ในด้านการเพิ่มความชุ่มชื้นผ่านการดูดน้ำให้ผิว เสริมการแบ่งตัวของเซลล์ผิวที่ชั้นหนังกำพร้า ดูแลเรื่องการอักเสบระคายเคือง และเด่นเรื่อง Soothing effect ให้ความรู้สึกสบาย ในด้านของการดูแลเส้นผมก็จะช่วยเรื่องของความสบายหนังศีรษะ และอาจได้ประโยชน์เรื่องอาการคันเข้ามาอีกทาง
  • น้ำมันหอมระเหยจาก Peppermint (Mentha piperita oil) ก็น่าจะให้ประโยชน์เสริมเรื่องของการไหลเวียนของเลือดมาเลี้ยงที่เซลล์แม่ Dermal papilla ในรากผม เสริมการเจริญของผม ให้ผมแข็งแรงอีกทางหนึ่ง

ส่วนผสมอีกชิ้นหนึ่งที่ไปเจอจากเว็บไซต์ Official ของ Vichy UK คือ ในสูตรนี้มีการใช้น้ำแร่ Vichy ด้วย ซึ่งก็มีประโยชน์ในการบำรุงหนังศีรษะที่ดี เนื่องจากส่วนประกอบของแร่ธาตุต่างๆ ที่มีในน้ำแร่ Vichy นั้นเคลมว่ามีอยู่ถึง 15 ชนิด

สำหรับ Alcohol ที่ใส่มานั้นจะช่วยเสริมการดูดซึมเข้าไปยัง Hair follicle เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ซึ่งน้องก็มีความจำเป็นอยู่ ถ้าจะทำสูตรที่ใช้เสริมการเจริญของผม ถ้าลงไปไม่ได้ ก็ไม่เกิดประโยชน์ ส่วนตัวได้ทดลองใช้ก็ไม่มีปัญหาใดๆ

Disclaimer: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับมาเป็นของขวัญ การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมเอสเซนส์สำหรับดูแลปัญหาผมร่วงจากแบรนด์ Vi organic พร้อมสาระเรื่องของ’ผม’

สวัสดีค่ะ วันนี้มี่จะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลปัญหาผมร่วงจากแบรนด์ Vi organic ให้ได้ชมกันนะคะ

แบรนด์ Vi organic เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมแบรนด์ไทยที่เน้นเรื่องลดการใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์รุนแรง เลือกใช้ส่วนผสมที่เป็น Certified Organic และมีงานวิจัยรับรองระดับสากล เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วได้ผลจริง อ่อนโยน และปลอดภัย

ถึงแม้ Vi organic จะเป็นแบรนด์ไทยแบรนด์เล็กๆ แต่วางจำหน่ายมาแล้วกว่า 7 ปี ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากนานาชาติเลยนะคะ อย่างผลิตภัณฑ์นี้มีส่วนผสมของวัตถุดิบที่ได้รับรางวัลอยู่ด้วยค่ะ

ผลิตภัณฑ์ของทางแบรนด์ทุกสูตรได้ผ่านตรวจสอบการระคายเคืองทางผิวหนังแล้วค่ะ

วันนี้จะมาพูดถึงตัว Hair and Scalp essence สำหรับดูแลปัญหาผมร่วง และปัญหาหนังศีรษะในรูปแบบสเปรย์ค่ะ

คีย์หลักของน้องคือ PhytocellTechTM สารสกัดจากเนื้อเยื่อเพาะเลี้ยงของแอปเปิล และ AnagainTM ที่เป็นสารสกัดจากถั่วลันเตาออร์แกนิกจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์

รายละเอียดจะเป็นอย่างไร เดี๋ยวเรามาดูกันอีกทีค่ะ

แต่ก่อนจะไปดูเรื่องของการรีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสม ส่วนตัวอยากขอเล่าเกี่ยวกับเส้นผม และ การเจริญของเส้นผมสักหน่อยนะคะ

โครงสร้างของเส้นผม เราจะแบ่งเป็น 2 ส่วนนะคะ คือ ส่วนของรากผม และ ส่วนของเส้นผม

  • ส่วนของเส้นผม หรือ Hair shaft ก็จะมีประโยชน์เกี่ยวกับด้านความสวยงาม ความแข็งแรงของเส้นผม
  • ส่วนของรากผม หรือ Hair root จะเป็นเหมือนคุณแม่ที่คอยสร้างเส้นผมออกมา ถ้าคุณแม่อ่อนแอ ก็จะสร้างเส้นผมไม่ไหว ทำให้ผมเส้นเล็กลงๆ ผมเราก็จะเริ่มดูบาง จนในที่สุดก็เป็นปัญหาผมหลุดร่วงง่าย ผมบางไป จนถ้าคุณแม่ตายไป ก็จะเป็นหัวล้าน

ลองวาดรูปให้ดูเล่นๆ ก็น่าจะประมาณนี้ค่ะ

ต้องขออภัยในสกิลการวาดรูปของดิฉันด้วยนะคะ

โดยบริเวณที่สำคัญเกี่ยวกับความแข็งแรง การยึดเกาะของเส้นผมและหนังศีรษะ และการเจริญของเส้นผม จะขึ้นกับบริเวณที่เรียกว่า Dermal papilla ค่ะ บริเวณนี้เป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดมาเลี้ยง นำพาเอาสารอาหารมาให้กับคุณแม่ หรือ Matrix cell นะคะ

วัตถุดิบในผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมต่างๆ ก็มักจะมาเล่นกับคุณแม่ และองค์ประกอบอื่นๆที่แถวนี้ค่ะ

สำหรับการเจริญของเส้นผม แบ่งได้เป็น 3 ระยะ ได้แก่

  1. Anagen เป็นระยะเจริญ คุณแม่จะทำงานสร้างเส้นผมออกมา
  2. Catagen เป็นระยะพัก คุณแม่จะพักผ่อน
  3. Telogen เป็นระยะที่เส้นผมเตรียมพร้อมจะหลุดร่วง คุณแม่จะสลัดผมทิ้ง ก่อนจะกลับไปเข้าสู่ Anagen เพื่อสร้างผมใหม่อีกครั้ง

มีหลายปัจจัยมากเลยที่มีผลต่อการเจริญของเส้นผม หลักๆ และสำคัญมาก คือ ฮอร์โมนเพศชายชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า Dihydrotestosterone หรือย่อว่า DHT ซึ่งร่างกายเราสร้างขึ้นมาจาก Testosterone โดยใช้เอนไซม์ 5α-reductase ค่ะ

เอนไซม์นี้จริงๆ เขาก็จำเป็นนะ แต่ถ้ามีมากเกินไปก็จะทำให้คุณแม่อ่อนแอลงๆ เส้นผมเล็กลงลีบลง จนหลุดร่วงง่าย แล้วก็เป็นผมบาง ศีรษะล้านในที่สุด

เอนไซม์นี้ยังมีผลกับต่อมไขมันด้วย โดยไปทำให้ต่อมไขมันสร้างน้ำมัน Sebum ออกมามากขึ้นค่ะ

มันจะมีวัตถุดิบใน Vi organic ตัวหนึ่งที่ออกฤทธิ์เสริมให้คุณแม่เปลี่ยนจาก Telogen กลับมาเป็น Anagen นั่นคือ ไปช่วยให้คุณแม่ตื่นและกลับมาทำงานได้เหมือนเดิม นั่นก็คือเจ้าสารสกัดจากถั่วลันเตา AnagainTM นั่นเองค่ะ

ผลิตภัณฑ์นี้จะมาในหน้าตาประมาณนี้นะคะ

ด้านในเป็นขวดรูปแบบสเปรย์ค่ะ

เนื้อเป็นเนื้อแบบเบสน้ำ ไม่มัน ไม่เหนียว ไม่เหนอะหนะ พอใช้กับผมจริงไม่ทำให้ผมลีบเป็นหย่อมๆ ส่วนตัวใช้ทั้งตอนเช้าหลังสระผม และก่อนนอนค่ะ

ค่า pH อยู่ที่ราวๆ 5 นะคะ ก็ถือว่าใกล้เคียงกับหนังศีรษะดีค่ะ

สำหรับส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

ส่วนผสมวันนี้มี่ทำสีของสารบำรุงและสารที่มีประโยชน์ไว้หลายสีนะคะ แบ่งตามกลุ่มค่ะ

ขอเริ่มเปิดตัวด้วยสีชมพู ซึ่งเป็นคีย์ของผลิตภัณฑ์ มีด้วยกัน 2 ตัวนะคะ

ตัวแรกเป็นสารสกัดจากเนื้อเยื่อเพาะเลี้ยงของแอปเปิล หรือ Malus domestica callus culture extract ตัวนี้รู้จักกันในนาม PhytoCellTechTM Malus domestica จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ค่ะ

     โดยตัวนี้จะเป็นตัวที่ต่อยอดมาจากตัวเดิมอีกที เป็นตัวที่เขาทำมาสำหรับใช้ในผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม คือ PhytoCellTechTM Malus domestica Hair ถ้าดูจากผลการทดสอบของทางผู้ผลิตวัตถุดิบ จะมีข้อมูลเกี่ยวกับคุณสมบัติในการเสริมการเจริญของ Hair follicle หรือ รากผม ซึ่งเป็นจุดต้นกำเนิดของเส้นผม ก็จะช่วยให้เส้นผมแข็งแรง มีการเสริมสร้างตัวเองที่ดีขึ้น ชะลอวัยให้แก่ Hair follicle ทำให้ความสามารถในการทำงานของเขาไม่ลดลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น กล่าวอีกมุมคือ ให้ประโยชน์ในเชิงการดูแลปัญหา Hair aging

     สารนี้เคยได้รับรางวัล innovation เมื่อปี 2008 แล้วก็มีตรารับรองความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และความเป็น Natural ผ่าน COSMOS/ECOCERT และ NATRUE ค่ะ

ส่วนผสมอีกตัวที่เป็นคีย์ของผลิตภัณฑ์ก็คือ สารสกัดจากถั่วลันเตาออร์แกนิก (Pisum sativum extract) มีชื่อทางการค้าว่า AnagainTM เป็นวัตถุดิบจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์เช่นกันค่ะ

     ซึ่งคุณสมบัติของ Anagain โดยย่อ คือ ตัวนี้จะไปปรับวงจรการเจริญของเส้นผม ให้อยู่ในช่วงเจริญ (Anagen phase) มากขึ้น ก็จะทำให้เส้นผมเจริญเติบโตต่อไปได้ และเขาเองก็ยังจะไปเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผม ซึ่งทางผู้ผลิตวัตถุดิบเองก็มีผลการทดสอบทั้งในระดับหลอดทดลอง และในอาสาสมัครมารองรับ

สำหรับส่วนผสมชุดถัดมา คือ สูตรผสมของสีเขียว ที่ประกอบด้วย Aqua (and) Niacinamide (and) Faex Extract (and) Aesculus Hippocastanum Seed Extract (and) Ammonium Glycyrrhizate (and) Panthenol (and) Propylene Glycol (and) Zinc Gluconate (and) Caffeine (and) Biotin ตัวนี้เป็นวัตถุดิบที่รู้จักกันในวงการในนาม Sebaryl® FL LS 9088 จากบริษัท BASF ประเทศเยอรมัน

ประโยชน์ของสารบำรุงชุดนี้เองคือ นางเป็นสูตรผสมของสารอาหารและสารสกัดสำหรับบำรุงเส้นผมอย่างครบวงจร โดยอาศัย วิตามินที่สำคัญๆ แร่ธาตุ Zinc กลุ่มของ Peptide และ กรดอะมิโนจากสารสกัดของยีสต์ รวมถึงคุณสมบัติในการเสริมการไหลเวียนของเลือดจากสารสกัดของ Horse chestnut และ Caffeine มาเสริม จึงเรียกได้ว่าดูแลปัญหารากผมได้อย่างครบวงจร

โดยจุดแรกที่อยากกล่าว คือ สารบำรุงชุดนี้มีความสามารถในการยับยั้งเอนไซม์ 5α-reductase ที่เป็นเอนไซม์ที่เปลี่ยนฮอร์โมนเพศชาย Testosterone ให้กลายเป็น Dihydrotestosterone (DHT) โดยเจ้า DHT นี้ถ้ามีมากเกินไปจะทำให้เกิดปัญหาหลายอย่าง เช่น ต่อมไขมันทำงานมากเกินไป ถ้าเป็นที่หนังศีรษะ ก็คือ หนังศีรษะมันง่าย มันไว รวมถึงทำให้ความสามารถในการทำงานของ Hair follicle ลดลง จึงทำให้เกิดปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือ ในที่สุดก็อาจจะทำให้เกิดศีรษะล้าน ตัวนี้ทางผู้ผลิตวัตถุดิบมีการทดสอบในระดับหลอดทดลองมารองรับ

(Image from BASF)

และมีการทดสอบประสิทธิภาพของสารผสมชุดดังกล่าวในอาสาสมัครเป็นเวลา 4 สัปดาห์เทียบกับตำรับเปล่า พบว่า ตำรับที่มีส่วนผสมของสารชุดนี้ มีประสิทธิภาพในการลดความมันบริเวณหนังศีรษะ

(Image from BASF)

สีฟ้า Allantoin เป็นตัวที่มีประโยชน์ในการดูแลปัญหาด้านการระคายเคือง ซึ่งก็มีหลายๆ รายงานที่กล่าวว่า การระคายเคือง อาจจะนำไปสู่ภาวะ Sensitive scalp syndrome มีผลทำให้ผมร่วง ผมบางได้ในระยะต่อไป นอกจาก Allantoin แล้ว ตัว Panthenol กับ Ammonium glycyrrhizate เองก็มีประโยชน์ในเชิงนี้เช่นกัน

ปิดท้ายด้วยสีน้ำตาล มีน้ำมันหอมระเหยจาก Peppermint และ น้ำมัน Fixed oil ของ Tigernut (Cyperus esculentus) ที่มีประโยชน์ในเชิงความชุ่มชื้น และทดแทนกรดไขมันให้แก่หนังศีรษะ

โดยในกลุ่มของส่วนผสมที่เหลือ ก็คือไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับหนังศีรษะอยู่เลย

มาให้คะแนนกันดีกว่าค่ะ

  1. สารบำรุง ตามที่ได้กล่าวไปในด้านบนว่าประกอบด้วยส่วนผสมหลากหลายชนิดที่ดูแลเส้นผมได้อย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการปรับวงจรการเจริญของเส้นผม เสริมความแข็งแรงของรากผม และเสริมการสร้างเส้นผมใหม่ คือ ครบมาก รับไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับหนังศีรษะอยู่เลย จึงไม่มีที่ให้หักคะแนน รับไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน จริงๆ ส่วนตัวจะถนัดใช้ Hair tonic ในรูปแบบขวดหยด หรือ หลอดหยดมากกว่า แบบสเปรย์ช่วงแรกก็จะแอบเลอะเทอะนิดหน่อย แต่พอใช้ไปได้สักพัก ราวๆ 2 สัปดาห์ ก็เริ่มชิน สำหรับเรื่องของผลการใช้งานก็พบว่าผมร่วงบนพื้นน้อยลงตอนหวีผมในช่วงเช้า ผมร่วงระหว่างสระผม และระหว่างวันน้อยลง ส่วนตัว Happy นะคะ และกลิ่นของตัวสเปรย์เองก็ค่อนข้างไปในโทนสดชื่น เหมาะกับหน้าร้อนแบบช่วงนี้มากๆ ให้ไป 4 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอบคุณทางแบรนด์ Vi ด้วยนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้ได้ทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อทางแบรนด์ได้โดยตรงเลยนะคะ

เฟสบุ๊ค Viorganic

IG: viorganic

Line: @viorganic

Website: www.viorganic.com

Disclaimer/conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Vi organic การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆในการขายสินค้า โปรดใช้วิจารณญาณ