Image

Beauty update: วิเคราะห์ส่วนผสม La Roche-Posay Anthelios UVMUNE 400 Fluide anti-dark spot fluid SPF 50+

นาทีนี้คงไม่มีอะไรปังเท่า UVMUNE 400 สูตรใหม่ จากบ้านลาโรชที่พึ่งเปิดตัวที่ฝรั่งเศส ใส่ Melasyl ไปด้วยแบบจบๆ 400 nm สุด

ดิฉันจะไม่วิเคราะห์ส่วนผสมก็คงจะไม่ได้แล้วล่ะ มาค่ะ เริ่ม

ในด้านสารกันแดด คือ น้องทำมาครบกันจบยัน 400 nm ด้วยตัว Mexoryl 400 สิทธิบัตรของเขา

มีปรับลำดับสารนิดหน่อยจากน้องป้ายส้ม (รุ่น Invisible fluid)

🧡สารกันแดด (เรียงตามลำดับ)

– Ethylhexyl triazone หรือ Uvinul T 150 เด่นในการกรอง UVB และเสริมประสิทธิภาพให้สารกันแดดอื่นๆ ในสูตร

– Avobenzone เด่น UVA

– BEMT หรือ Tinosorb S กรองได้ทั้ง UVA และ UVB โดยมีจุดที่ดูดกลืนแสงสูงสุด (Peak absorption) อยู่ 2 จุด ที่ 310 nm (UVB) และ 345 nm (UVA) เมื่อใช้ร่วมกับการแดดตัวอื่น เสริมประสิทธิภาพกันและกันไปกับ Uvinul T 150

– Uvinul A+ (DHHB) กรองรังสีในช่วง UVA

– Methoxypropylamino Cyclohexenylidene Ethoxyethylcyanoacetate; MCE ยาวๆ ยากๆ นี้คือ Mexoryl 400 พระเอกของเราในวันนี้ น้องเป็น Ultralong UVA filter (380 – 400 nm) peak อยู่ที่ 385 nm มีข้อมูลความปลอดภัยค่อนข้างดี และมีความเป็นมิตรกับปะการัง มีงานวิจัยที่ศึกษาในอาสาสมัครรองรับถึงประสิทธิภาพในการปกป้องผิว (Marionnet, et al. JID Innovation. 2022;2(1):100070)

– Drometrizole trisiloxane หรือ Mexoryl XL สารกันแดดที่กรองรังสีได้ในช่วงกว้างทั้ง UVB และ UVA มีจุด Peak 2 จุดในช่วง UVB (303 nm) และ UVA (344 nm) จูงมือมากับ Mexoryl SX (TDSA) ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการกรองรังสี UV ได้มากขึ้น

💜สารบำรุงแน่นอนว่า Melasyl (2-Mercaptonicotinoyl glycine) เข้าค่ะ

อินโทร Melasyl อีกรอบ เป็นสารนวัตกรรมที่ออกฤทธิ์เป็น whitening ด้วยกลไกแบบใหม่ แบบสับ โดยไปจับสารตั้งต้นในการสังเคราะห์เม็ดสีเมลานิน ทำให้การสังเคราะห์เมลานินหยุดลง โดยไม่ไปรบกวนเอนไซม์สร้างเม็ดสี มีทั้งสิทธิบัตร และล่าสุด ปี 2024 งานตีพิมพ์ก็ออกแล้ว

เบส มี Alcohol เอามาลดความเหนอะหนะ มาคู่กับ Silica คุมมันฉ่ำ และ Perlite คุมมันแต่ให้ฟีลแบบสดชื่นฉ่ำน้ำ (เขาเคลมว่างั้น)

รอเข้าไทยกันอีกที แอบไปส่องที่เว็บ Official ฝรั่งเศสก็ขาดตลาดอยู่

ตอนนี้ก็ลอรีอัลขวดชมพูไปก่อน มี Melasyl เหมือนกัน 😘

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมครีมกันแดดเนื้อฟลูอิด ด้วยเทคโนโลยี UVMUNE 400 จาก La Roche-Posay Anthelios รุ่น Invisible fluid

คราวก่อนทางเพจเคยนำเสนอพรีวิว La Roche-Posay Anthelios UVMUNE400 สูตร Oil control fluid (ตั้งชื่อเล่นว่า น้องป้ายเขียว) ที่ทำมาเอาใจคนผิวมันโดยเฉพาะ

วันนี้เลยขอหยิบเอาน้องสูตร Invisible fluid มารีวิวกันแบบละเอียดเจาะลึก พร้อมเล่าเรื่องรังสี UV และการป้องกันรังสี UV เสริมด้วยนิดหน่อย

สำหรับสูตร Invisible fluid (ขอตั้งชื่อเล่นว่า น้องป้ายส้ม) มีหน้าตาประมาณนี้ค่ะ

ขอพาน้องออกมาเที่ยวเอาท์ดอร์ท้าแดดซักหน่อย

สำหรับแพคเกจก็จะคล้ายคลึงกับสูตร Oil control fluid นะคะ มีบรรจุภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์

สังเกตชื่อน้องใช้ป้ายส้ม เลยเรียกว่าน้องป้ายส้ม

เนื้อเป็นแบบ Fluid/Liquid ค่อนข้างเหลว ก่อนใช้งานก็แนะนำให้เขย่าก่อนค่ะ

เกลี่ยได้ค่อนข้างง่าย ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที น้องก็จะเซ็ตตัวแล้วเกือบจะมลายหายไปจากผิว ไม่ทิ้งคราบใดๆ

สัมผัสบางเบา รู้สึกถึงความชุ่มชื้นเคลือบอยู่ แต่ไม่ถึงกับเหนอะหนะ ยังให้ความรู้สึกสบายผิว

ก่อนไปดูส่วนผสม ขอเล่าถึงเรื่องของรังสี UV สักเล็กน้อย

ว่าด้วยรังสี UV นั้นก็เป็นรังสีหนึ่งจากแสงแดดที่มีความสำคัญในการทำร้ายทำลายผิว และก่อผลเสียหลายๆ อย่าง ตั้งแต่แค่ผิวคล้ำไปจนถึงมะเร็งผิวหนัง

รังสี UV อยู่ในช่วงความยาวคลื่น 200 – 400 nm แบ่งออกได้เป็น 3 คลื่นความถี่หลักๆ ได้แก่

  • UVC ช่วง 200 – 290 nm
  • UVB ช่วง 290 – 320 nm
  • UVA ช่วง 320 – 400 nm

โดย UVC นั้นถูกกรองด้วยชั้นโอโซนไป เลยไม่ได้มีการพูดถึงในวงการความงามเท่าไหร่ ส่วนที่ลงมาบนผิวโลกและกระทบกับเราก็จะเป็น UVA และ UVB

          UVB จะกระทบกับบริเวณหนังกำพร้า และบริเวณที่สร้างเม็ดสี หลักๆ ก็จะทำให้ผิวคล้ำขึ้น แต่ก็สามารถปลดปล่อยอนุมูลอิสระออกมาทำลายผิว และอาจก่อมะเร็งผิวหนังได้ด้วย

          ส่วน UVA นั้นจะลงไปที่ชั้นหนังแท้ ไปทำลายพวกคอลลาเจน และเส้นใยและสารอื่นในกลุ่ม  Extracellular matrix (ECM) ทำให้เกิดพวกริ้วรอยต่างๆ ตามมา

แต่ที่น่ากลัว คือ ทั้ง UVA และ UVB นั้นสามารถก่อให้เกิดมะเร็งผ่านการกลายพันธ์ที่ระดับของ DNA ได้ และกดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppression) ได้เหมือนๆ กัน (Kappes et al., J Invest Dermatol. 2006;126(3):667-675) ไม่ว่าจะ A จะ B ก็น่ากลัวทั้งคู่แหละ กันไว้เป็นดีที่สุด

ในสมัยก่อน เราแบ่ง UVA เป็น 2 ช่วงย่อยๆ คือ UVA1 (340 – 400 nm) และ UVA2 (320 – 340 nm) แต่เดี๋ยวนี้เรามีชื่อเรียกให้กับน้องๆ ใหม่อีก คือ UVA2 เรียกเป็น Short UVA และ UVA1 แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ Long UVA (340 – 380 nm) และ Ultra-long UVA (380 – 400 nm)

          สำหรับสารกันแดดนั้นเราแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักๆ คือ

  • Physical หรือ Mineral sunscreen ได้แก่ Zinc oxide และ Titanium dioxide อาศัยการสะท้อนและกระเจิงรังสี UV กลับออกไป แม้ว่าหลังๆ มา จะมีรายงานมาบอกว่าเจ้าพวกนี้มันก็ดูดซับรังสีไว้เหมือนกัน เราก็ยังใช้เรื่องของการสะท้อนและกระเจิงแสงอยู่
  • Chemical sunscreen จะดูดซับรังสีเอาไว้ และสารแต่ละชนิดจะดูดซับรังสีได้แตกต่างกันไป บางตัวไปซับ UVB บางตัวไปซับ UVA แต่น้อยตัวนักที่จะซับได้ยาวถึง 400 nm

โดยเครือ L’Oréal ได้ให้ความสนใจกับเรื่องการปกป้องผิวจากอันตรายของแสงแดด และพยายามศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของการป้องกันอันตรายจากรังสี UV และตีพิมพ์ผลงานวิจัยมาพักใหญ่ๆ เกี่ยวกับเรื่องผลเสียของ UVA1 อย่างงานหนึ่งที่น่าสนใจคือ งานของ Marionnet และคณะ ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Dermatological Science เมื่อปี 2018 เป็นการทดสอบผลของ UVA1 ทั้งในระดับผิวหนังจำลอง และในอาสาสมัคร เพื่อที่จะบอกว่ายิ่งเราสามารถปกป้องผิวจาก UVA1 ได้กว้างมากเท่าไหร่ (คือเข้าใกล้ 400 nm มากเท่าไหร่) ก็จะสามารถปกป้องชั้นผิวหนัง ทั้งชั้นหนังกำพร้า และหนังแท้ ไม่ให้ถูกทำลายเพราะรังสี UV ได้ดีมากขึ้นไปด้วย (Marionnet et al., J Dermatol Sci. 2018;91(3):337-340) ดังนั้นการใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดที่เรียกว่าเป็น ‘board spectrum’ คือ กันได้กว้างๆ ครบทั้ง UVA/UVB ก็จะดี

และเมื่อปี 2022 ทาง L’Oréal ก็เจอสารกันแดดที่สามารถดูดซับรังสีได้ยาวถึง 400 nm หรือ กัน Ultra-long UVA ได้ นั่นก็คือเจ้า Mexoryl 400 (Methoxypropylamino Cyclohexenylidene Ethoxyethylcyanoacetate) นั่นเอง และได้จดสิทธิบัตรไว้ (Behrens M. (2022). https://www.cosmeticsandtoiletries.com/formulas-products/sun-care/news/22249181/loreal-loral-breaks-the-ultralong-uva-code-with-uvmune-400)

โดยว่ากันว่า Ultra-long UVA นั้นมีปริมาณสูงถึง 30% เมื่อเทียบกับรังสี UV ทั้งหมดทั้งมวลที่สาดส่องลงมาเจอกับผิวเรา ดังนั้นหลายๆ คน เลยเจอปัญหาว่า เอ๊ะ เราก็ทากันแดดแล้วนะ ทำไมยังมีปัญหาผิวต่างๆ อีก นั่นก็เพราะว่า สารกันแดดเคมีอาจจะยังไม่ครอบคลุมทั้ง Spectrum ของรังสี UV นั่นเอง

และผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดตัวแรกทางเครือ L’Oréal เดบิวต์ออกมาสู่ท้องตลาดก็คือ ….. น้อง La Roche-Posay Anthelios UVMune 400 น้องป้ายส้มของเราที่ทางเพจหยิบเอามาวิเคราะห์ส่วนผสมในวันนี้นี่เองค่ะ และด้วยความที่ Mexoryl 400 นั้นยังติดสิทธิบัตรก็เลยกล่าวได้ว่า ในเครือ L’Oréal เท่านั้นที่สามารถใช้ได้ คงจะไม่เกินจริงถ้าจะพูดตามแบรนด์เคลมว่า “น้องเป็นกันแดดหนึ่งเดียวที่ปกป้องผิวได้ถึง Ultra-long UVA”

ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพทั้งในระดับหลอดทดลอง และในอาสาสมัครว่ามีประโยชน์หลายประการ นอกเหนือไปจากคุณสมบัติป้องกันแสงแดดทั่วไป เช่น

  • ลดการเกิดรอยดำจากรังสี UV
  • ลดการสร้างเอนไซม์ MMP1 และ MMP3 ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ไปย่อยสลายคอลลาเจน และ Matrix ต่างๆ ในหนังแท้ เมื่อฉายแสง UVA1
  • ปกป้องผิวหนังทั้งชั้นหนังกำพร้า และหนังแท้ โดยป้องกันการเกิด Sunburn cell (เซลล์ที่เสียหายเพราะรังสี UV) และปกป้องไฟโบรบลาสต์
  • ลดความเสียหายของเบสในสาย DNA (ปกป้องสาย DNA ไม่ให้ถูกทำลายเพราะรังสี UV)
  • ด้วยส่วนผสมของ Antioxidant ในสูตร เมื่อทดสอบด้วยการฉายรังสีอินฟราเรด (ชนิด IRA) ลงไป มีความสามารถลดการสร้างเอนไซม์ MMP ลงได้
  • ลดการเกาะติดของฝุ่นละอองและ Pollution ต่างๆ บนผิว

พัฒนามาในเบสที่กันน้ำ กันเหงื่อ ไม่ใส่น้ำหอม และผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่ทำให้แสบตา ทาแล้วซึมไวไม่เหนอะหนะ ไม่ทิ้งปื้นขาว พร้อมเสริมทัพมาด้วย Net-lock technology ที่ช่วยให้สารกันแดดเกาะติดผิวได้ยาวนานยิ่งขึ้น พร้อมเสริมประสิทธิภาพในการป้องกันผิวจากรังสี UV

ส่วนผสมเป็นดังนี้

ในส่วนของส่วนผสมนั้นเรียกได้ว่าพัฒนามาได้ค่อนข้างเรียบง่าย มีสารกันแดดชนิดเคมีอยู่ด้วยกันหลายชนิดที่ช่วยเสริมกันในการกรองแสง UV ได้ครบทั้ง Spectrum

ส่วนของสารกันแดดแทนด้วยอักษรสีน้ำเงิน

  • Ethylhexyl Salicylate (EHS) น้องเด่นในการกรอง UVB ที่มีข้อมูลความปลอดภัยค่อนข้างดี
  • Bis-Ethylhexyloxyphenol Methoxyphenyl Triazine หรือ BEMT รู้จักกันในชื่อทางการค้าว่า Tinosorb S กรองได้ทั้ง UVA และ UVB โดยมีจุดที่ดูดกลืนแสงสูงสุด (Peak absorption) อยู่ 2 จุด ที่ 310 nm (UVB) และ 345 nm (UVA) เมื่อใช้ร่วมกับการแดดตัวอื่น เช่น Ethylhexyl triazone จะเสริมประสิทธิภาพกันให้ดียิ่งขึ้น
  • Ethylhexyl triazone หรือ Uvinul T 150 เด่นในการกรอง UVB และเสริมประสิทธิภาพให้สารกันแดดอื่นๆ ในสูตร
  • Butyl Methoxydibenzoylmethane หรือ Avobenzone เด่นในเรื่องการกรอง UVA เป็นหลัก แต่ไม่ค่อยคงตัว ซึ่งในสูตรก็มีกันแดดตัวอื่นมาเสริมให้คงตัวยิ่งขึ้น
  • Methoxypropylamino Cyclohexenylidene Ethoxyethylcyanoacetate; MCE คือ Mexoryl 400 พระเอกของเราในวันนี้ น้องเป็น Ultralong UVA filter (380 – 400 nm) peak อยู่ที่ 385 nm มีข้อมูลความปลอดภัยค่อนข้างดี และมีความเป็นมิตรกับปะการัง มีงานวิจัยที่ศึกษาในอาสาสมัครรองรับถึงประสิทธิภาพในการปกป้องผิว (Marionnet, et al. JID Innovation. 2022;2(1):100070)
  • Diethylamino hydroxybenzoyl hexyl benzoate หรือ Uvinul A+ กรองรังสีในช่วง UVA
  • Drometrizole trisiloxane รู้จักกันในนาม Mexoryl XL สารกันแดดที่กรองรังสีได้ในช่วงกว้างทั้ง UVB และ UVA มีจุด Peak 2 จุดในช่วง UVB (303 nm) และ UVA (344 nm) ใช้ร่วมกับ Mexoryl SX จะช่วยเสริมประสิทธิภาพในการกรองรังสี UV ได้มากขึ้น
  • Terephthalylidene dicamphor sulfonic acid หรือ Mexoryl SX เด่นที่การกรองรังสี UVA มีข้อมูลความปลอดภัยค่อนข้างดี และเมื่อใช้คู่กับ Mexoryl XL จะได้ประสิทธิภาพในการกรองรังสีที่ดีขึ้น

สรุปได้ประมาณภาพนี้ค่ะ

จะเห็นว่าส่วนผสมของสารกันแดดที่ใช้นั้นกันได้ค่อนข้างครบแบบ broad spectrum

ในส่วนของ Antioxidant นั้นมีวิตามินอี ในรูปแบบธรรมชาติ หรือ Tocopherol เข้ามา และมีสารควบคุมความมันให้ผิว 2 ตัว คือ Silica และ Perlite สำหรับ Perlite นั้นมีความน่าสนใจตรงที่น้องจะเด่นเรื่องของการซับน้ำและน้ำมัน พร้อมให้ความรู้สึกสดชื่นไม่แห้งตึงจนระคายเคือง

ในภาพรวมก็คือเป็นผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดที่ทำมาได้ค่อนข้างดี ส่วนผสมดีเลิศ ไม่เหนอะหนะหนักผิว การมี Alcohol ในสูตรก็จะช่วยลดความเหนอะหนะให้กับเนื้อได้และช่วยให้ผลิตภัณฑ์แห้งไว ไม่เหนอะหนะ

มาให้คะแนนกันดีกว่า

  1. สารกันแดด ในด้านของสารกันแดด นอกเหนือไปจากพระเอก Mexoryl 400 ที่เด่นเรื่องการกรอง Ultralong UVA ได้ถึง 400 nm จนสุด Spectrum แล้ว สารกันแดดอื่นๆ ที่เลือกใส่มาก็เสริมกันได้อย่างลงตัว ทั้งในแง่ของการเสริมความคงตัวหรือเสถียรภาพให้แก่สูตร และเสริมประสิทธิภาพในการปกป้องจากรังสี UV ไปพร้อมๆ กัน ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ มีการเลือกใช้สารควบคุมความมัน และ Polymer ที่เข้ามาสร้าง Net-lock technology ที่ช่วยให้สารกันแดดเกาะอยู่บนผิวได้ยาวนานขึ้น เสริมการปกป้องผิวไปอีก 1 ขั้นตอน แม้ว่าสารบำรุงอาจจะน้อยไปนิด แต่เราก็สามารถบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยมาทากันแดด และในสูตรมี Alcohol แต่ส่วนตัวแม้จะมีผิวผสม/แห้ง ก็สามารถใช้ได้ ไม่ได้เกิดการระคายเคือง หรือไม่สบายผิวในระหว่างวันแต่อย่างใด ขอหักคะแนนเรื่อง Alcohol เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ขอให้ 4 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ส่วนตัวมีผิวผสมค่อนข้างแห้ง ถ้าเทียบกับสูตร Oil control fluid (ป้ายเขียว) ที่เคยนำเสนอไปก่อนหน้า ตัวเองชอบรุ่นนี้มากกว่านะ ในแง่ของการเกลี่ย ความรู้สึกขณะเกลี่ย ความรู้สึกหลังใช้ และในระหว่างวัน น้องจะสบายผิวมากกว่า มีบางวันที่ต้องเดินกลางแดดจัดๆ นานๆ หลังออกแดดวันนั้นก็ไม่ได้มีอาการแดง หรือเคืองแต่อย่างใด เรื่องของกลิ่นก็เป็นกลิ่นตามธรรมชาติของสารกันแดด ซึ่งไม่ได้ติดใจอะไร โดยรวมก็คือส่วนตัวค่อนข้างชอบ ให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางแบรนด์ La Roche-Posay สาขาประเทศไทยที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ ที่พัฒนาสูตรมาได้อย่างลงตัว พร้อมการศึกษาทางคลินิกรองรับมาให้ได้เปิดหูเปิดตา และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

Official facebook: @LaRochePosayThailand (https://www.facebook.com/LaRochePosayThailand)

ทางไปช้อปปิ้ง

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/7KgyIsKOD6

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.HzGg7?cc

Disclaimer/Conflict of interest: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ La Roche-Posay ประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ