Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมแชมพูและครีมนวดผมในไลน์ Scalp control จากแบรนด์ Kamedis ที่พัฒนามาด้วยคอนเซปท์การบูรณาการผสมผสานแพทย์แผนจีนและเทคโนโลยีปัจจุบันได้อย่างลงตัว

สำหรับ Blog นี้จะขอหยิบเอาผลิตภัณฑ์ดูแลหนังศีรษะและปัญหารังแคจากแบรนด์ Kamedis มาฝากกันนะคะ

ถ้าพูดถึงแบรนด์ Kamedis ทางแบรนด์พึ่งรีแบนด์ รีแพคเกจใหม่ไปสักพัก เรียกได้ว่า mood and tone ชุดใหม่นี้แลดูน่ารัก น่าใช้ทุกตัวเลยค่ะ

Intro นิดหน่อย

แบรนด์ Kamedis อ่านว่า Kamedis (Kuh meh dis)

ซึ่งคำว่า Ka มีรากฐานมาจาก 开 (ไค) ภาษาจีน ที่แปลว่า เปิด เริ่มต้น และยังสามารถสื่อถึงการถ่ายทอดนวัตกรรมได้อีกด้วย Medis แสดงถึงลักษณะทางยาของผลิตภัณฑ์ และสะท้อนถึงภูมิหลังทางวิทยาศาสตร์ของแบรนด์ เมื่อรวมกันแล้ว Kamedis คือ “นวัตกรรมทางยา”

ที่มาของแบรนด์ก็น่าสนใจนะคะ เริ่มมาจากคุณ Roni Kramer แพทย์แผนจีนด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปี สมุนไพรจีนหลายชนิดมีประสิทธิภาพ แต่ไม่ค่อยมีการใช้ในเท่าไหร่ แต่ในทางการแพทย์แผนตะวันตกมีสเตียรอยด์ ซึ่งมีประสิทธิภาพจริง แต่ผลข้างเคียงก็เยอะเหมือนกัน เราเลยจะเห็นว่าแบรนด์จะเคลมว่า “No steroid” เพราะอันนี้เป็น pain point ของสเตียรอยด์ที่เธอมองเป็นจุดหลักเลยค่ะ

ในที่สุดทางแบรนด์ก็แสวงหาวิธีการแก้ปัญหาผิวพรรณ รวมทั้งหนังศีรษะ โดยการบูรณาการความรู้จากศาสตร์การแพทย์แผนจีนเข้ากับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ เลยกลายเป็นผลิตภัณฑ์ของ Kamedis ขึ้นมาค่ะ

สำหรับ Blog นี้จะขอหยิบเอาผลิตภัณฑ์ในไลน์ Scalp control 2 ชิ้น ได้แก่ Dandruff shampoo และ Nourishing conditioner มารีวิวและวิเคราะห์ส่วนผสมกันค่ะ

โดยจะขอเริ่มจาก Dandruff shampoo ที่มีหน้าตาประมาณนี้

ขวดด้านในเป็นฝาแบบ Flip

ตัวเนื้อแชมพูเป็นแชมพูแบบขุ่น

ฟองค่อนข้างนุ่ม เล็กละเอียดคล้ายครีม เกลี่ยและกระจายตัวบนเส้นผมและหนังศีรษะได้ง่าย

หลังล้างไม่ได้รู้สึกว่าผมแห้งกระด้างจนเกินไป

วิธีใช้ที่ทางแบรนด์แนะนำคือ ใช้สัปดาห์ละอย่างน้อย 2 ครั้ง เวลาสระให้นวดๆ บนหนังศีรษะประมาณ 2 – 3 นาที

ค่า pH ของฟองอยู่ที่ราวๆ 5 – 6

ก่อนไปดูส่วนผสมอยากเล่าถึงการเกิดรังแค และสมดุล Microbiome บนหนังศีรษะซักเล็กน้อย

บนหนังศีรษะของเราก็มีจุลินทรีย์ต่างๆ อาศัยอยู่ร่วมกัน ชุมชนของจุลินทรีย์เหล่านี้เราเรียกกันว่า Microbiome โดยเจ้าตัวเล็กเหล่านี้จะทำให้หนังศีรษะของเราแข็งแรง ไม่อักเสบ ไม่ระคายเคือง และยังช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อก่อโรคเติบโตเพิ่มจำนวนจนมากเกินไปแล้วก่อโรคขึ้นมาค่ะ

โดยหนึ่งในจุลินทรีย์ที่มีความสำคัญบนหนังศีรษะคือ Malassezia spp. yeast นั่นเอง ซึ่งตัวยีสต์นี้ มีหลาย species ย่อย บางตัวก็ดี บางตัวก็ไม่ดี

โดยเจ้ายีสต์ Malassezia spp. นี้นางมีเอนไซม์ Lipase ที่ไปย่อย Triglycerides ที่ต่อมไขมันเราสร้างมา ได้พวกกรดไขมันต่างๆ แล้วนางกินแต่กรดไขมันไม่อิ่มตัวเป็นอาหาร และนางจะยังเลือกไม่กิน Oleic acid นะ

ทีนี้ปัญหาเลยอยู่ว่า พอ Oleic acid มันเยอะไป มันจะไปทำให้ Barrier บนหนังศีรษะอ่อนแอ และนำไปสู่การระคายเคือง รวมทั้งปัจจัยจากความเครียดเอย และสิ่งแวดล้อม เช่น รังสี UV

ทำให้เกิดความผิดปกติในหลายๆ ระดับ ตั้งแต่เรื่องการสร้าง-เจริญ-เปลี่ยนแปลงโครงสร้างหน้าที่-ผลัดออกทิ้ง เมื่อกระบวนการนี้ผิดปกติไป มันก็เลยเห็นเศษเซลล์เป็นแผ่นๆ เป็นรังแค

กล่าวถึง Microbiome อีกนิดหน่อย งานวิจัยล่าสุดของปีนี้ พบว่าในหนังศีรษะของคนที่เป็นรังแค จะมีสัดส่วนของ ยีสต์ M. restricta และ แบคทีเรีย Staphylococcus capitis สูงกว่าคนปกติ ในขณะที่ Cutibacterium acnes (หรือ C. acnes เจ้าเก่าชื่อเดิม P. acnes ของเรา) น้อยกว่าคนปกติ แบบนี้ก็คือ Microbiome ผิดไป (Int J Cosmet Sci. 2024. doi: 10.1111/ics.12933.)

โดยนัง M. restricta นี่แหละ เป็นตัวสร้าง Lipase มาย่อยไขมัน แล้วเหลือ Oleic acid ทิ้งไว้จน Barrier ผิวเราอ่อนแอ

รังแคอาจมีได้หลายรูปแบบ อาจจะมีสีขาว สีเทา หรือสีเหลืองก็ได้ถ้ามีพวกน้ำมันอยู่มาก

ในภาพรวม เราสามารถสรุปกลไกในการเกิดรังแคได้ดังนี้ค่ะ

ทางแบรนด์มี VDO น่ารักๆ ด้วยค่ะ สามารถไปรับชมได้นะคะ (ภาษาอังกฤษ)

ก่อนไปดูส่วนผสมอยากบอกว่า ผลิตภัณฑ์นี้ผ่านการทดสอบทางคลินิก และพบว่าสามารถลดรังแคที่มองเห็นได้ 100% และอาสาสมัคร 90% พึงพอในในการทดสอบผลิตภัณฑ์

(Image from Kamedis official website)

เรามาดูส่วนผสมของ Kamedis Scalp control dandruff shampoo กัน

พอเป็นแชมพู เราเลยอยากหยิบเอาสารทำความสะอาด/surfactant มาวิเคราะห์ก่อน

ในกลุ่มของ Surfactant แทนด้วยสีฟ้า มีดังนี้

  • Ammonium lauryl sulfate คู่กับ Ammonium laureth sulfate หรือ ALS/ALES 2 ตัวนี้เป็นสารทำความสะอาดประจุลบที่ทำความสะอาดได้ดี ให้ฟองเยอะ แต่บางคนอาจจะมองว่าน้องแรงไปนิด ทางแบรนด์ก็เลยใช้อีก 2 ตัวเข้ามาปรับทำให้สูตรมีความอ่อนโยนขึ้น ได้แก่
  • Cocamidopropyl betaine น้องเป็นสารทำความสะอาดชนิดสองประจุ มีความอ่อนโยนที่ดี
  • Sodium lauroyl sarcosinate เป็นสารทำความสะอาดประจุลบอีกตัว ที่ดัดแปลงโครงสร้างจากกรดอะมิโน มีความอ่อนโยนสูง ฟองดี ฟองละเอียด

ลดผมพันกันด้วย Polyquaternium-10 ซึ่งจะเคลือบปิดเกล็ดผม และลดการเกิดไฟฟ้าสถิตบนเส้นผม ลดผมชี้ฟู

ในส่วนของสารขจัดรังแค ใช้ 3 ตัว แทนด้วยสีชมพู ได้แก่

  • Salicylic acid เป็นตัวมาตรฐานตัวหนึ่ง ที่ได้รับการยอมรับจาก USFDA ว่ามีประสิทธิภาพในการขจัดรังแค มีประโยชน์ในการผลัดผิว และมีคุณสมบัติลดการอักเสบได้หน่อยๆ
  • Piroctone Olamine เป็นสารมาตรฐานอีกตัวที่ใช้ในการขจัดรังแค ออกฤทธิ์โดยไปฆ่าเชื้อยีสต์ Malassezia spp. และปรับกระบวนการสร้าง-ผลัดทิ้ง (Turnover) ของ Keratinocyte บนหนังศีรษะให้ช้าลง ทำให้การเกิดรังแคลดลง การศึกษาในอาสาสมัครที่พึ่งตีพิมพ์เมื่อต้นปี พบว่า การใช้แชมพูที่มี Piroctone Olamine เป็นเวลา 3 สัปดาห์ สามารถปรับสมดุล Microbiome และลดการเกิดรังแค (Int J Cosmet Sci. 2024. doi: 10.1111/ics.12933.)
  • Climbazole เป็นสารขจัดรังแคอีกตัวหนึ่ง ออกฤทธิ์โดยการฆ่าเชื้อยีสต์ Malassezia spp. และมีงานวิจัยในเซลล์เพาะเลี้ยง พบว่า Climbazole ทำให้ Keratinocyte แข็งแรงขึ้น โดยไปเพิ่มความแข็งแรงของ Cornified envelope ทำให้ปกป้องหนังศีรษะจากสารก่อการระคายเคืองได้ดีขึ้น (ลดอักเสบอ้อมๆ) (Int J Cosmet Sci. 2014;36(5):419-26)

การใช้ Piroctone Olamine คู่กับ Climbazole มีรายงานวิจัยรองรับอยู่ค่ะ โดยเป็นการศึกษาประสิทธิภาพของแชมพูที่มีส่วนผสมของ 0.5% piroctone olamine และ 0.45% climbazole พบว่ามีประสิทธิภาพในการขจัดรังแค และไม่ทำให้ผมแห้ง กระด้าง (Int J Cosmet Sci. 2011;33(3):276-82.)

ในส่วนของสารสกัดจากพืชมีด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่

  • Soap nut (Sapindus mukurossi extract) ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดอักเสบระคายเคือง และมีคุณสมบัติยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์
  • Indigo (Indigofera tinctoria extract) ปรับสมดุลกระบวนการสร้าง-ผลัดทิ้ง (Turnover) ของ Keratinocyte บนหนังศีรษะให้ช้าลง ทำให้การเกิดรังแคลดลง

สรุปสารบำรุงที่ใส่มาตามคอนเซปท์ของแบรนด์ ก็คือการคัดสรรเลือกเบลนด์นวัตกรรม Botaniplex® จากสารสกัดพืช เข้ากับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่เข้าด้วยกันอย่างลงตัว และดูแลรังแคที่หลายกลไก และให้ความสำคัญกับเรื่องสมดุล Microbiome เพื่อให้มีหนังศีรษะที่ดี

พัฒนาสูตรมาเป็นอย่างดี ไม่มีส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว

ให้คะแนน

  1. สารทำความสะอาด ตัวที่เป็นสารทำความสะอาดหลักคือ ALS/ALES ที่สร้างฟองได้ดี ให้ฟองเยอะ ทำความสะอาดดี แต่อาจจะทำให้ผมแห้ง เลยตัดเอา cocamidopropyl betaine กับ Sodium lauroyl sarcosinate เข้ามาเพื่อความอ่อนโยน ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. สารบำรุง ส่วนตัวชอบความเบลนด์เอาสมุนไพรเข้ากับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ซึ่งสารบำรุงที่ทางแบรนด์เลือกใส่มาก็คือ เสริมกันในการดูแลรังแคได้อย่างลงตัว ผ่านหลายๆ กลไก หลักๆ จะเน้นไปที่การปรับสมดุลของการสร้าง-ผลัดเซลล์ผิว (Turnover) ปรับสมดุล Microbiome และกำจัดยีสต์ Malassezia spp. ตบๆ มาด้วย สารสกัดสมุนไพรที่ลดระคายเคืองหนังศีรษะเข้ามาอีก 1 กรุบ ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ด้วยความที่เราเป็นคนชอบฟอง น้องถือว่าทำมาตอบโจทย์มาก ฟองนุ่ม ละเอียด และฟองลื่นเกลี่ยง่ายบนเส้นผม ตีฟองขึ้นเร็ว หลังใช้ผมไม่แห้งกระด้างมาก ใช้คู่กับครีมนวดต่อเลยคือฉ่ำพอดี ให้ไป 5 ฟลาสก์

ถัดมาเราจะมาดูรีวิวและวิเคราะห์ส่วนผสมของครีมนวดผมกันนะคะ

ครีมนวดผม Nourishing conditioner มาในหลอดแบบบีบหน้าตาแบบนี้

จุดที่น่ารักจุดหนึ่งของแพคเกจคือ ตอนเราซื้อมา เขาจะมี Seal ที่ปกป้องผลิตภัณฑ์ไม่ให้โดนแกะก่อนมาถึงมือเราอยู่ค่ะ

เนื้อจะออกคล้ายๆ บาล์ม มีสีเหลืองอ่อนๆ ซึ่งทางแบรนด์ไม่ได้ใช้สี สีนี้เป็นสีจากวัตถุดิบสารสกัดจากธรรมชาติค่ะ

ค่า pH ของครีมนวดผมหลังละลายน้ำอยู่ที่ราวๆ 5 นะคะ

ส่วนผสมเป็นดังนี้ค่ะ

ในส่วนของครีมนวดผมก็เรียกได้ว่าทำมาได้น่าสนใจไม่แพ้กันกับแชมพูเลยทีเดียว

โดยอาศัย Cetrimonium chloride ซึ่งเป็นสาร Surfactant ประจุบวก จะทำหน้าที่จับกับผมเสียที่มีประจุเป็นลบ ลดการชี้ฟู และเคลือบปิดเกล็ดผมเอาไว้ พร้อมทั้งทำหน้าที่เหมือนปูพื้นให้สารบำรุงบางชนิด มาเกาะบนเส้นผมได้ง่ายขึ้น

ในส่วนของสารบำรุงที่เป็นสารสกัดจากพืช กลุ่มเทคโนโลยี นวัตกรรม Botaniplex® มีด้วยกัน 3 ชนิด ได้แก่

  • Soap nut (Sapindus mukorossi Fruit Extract) ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดอักเสบระคายเคือง และมีคุณสมบัติยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์
  • Amor cork tree (Phellodendron Chinense Bark Extract) หรือ ชื่อจีน Huang Bai มีคุณสมบัติในการต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรค ซึ่งจะช่วยลดการเกิดรังแค และปรับสมดุล Microbiome แบบอ้อมๆ
  • Chrysanthemum Indicum Flower Extract หรือ ดอกเก๊กฮวย ที่เด่นเรื่องการดูแลการระคายเคือง

เสริมมาด้วย

  • โปรวิตามินบี 5 (Panthenol) ที่ดูแลเรื่องการระคายเคือง และให้ความชุ่มชื้น
  • Sodium hyaluronate เพิ่มความชุ่มชื้น
  • Ethylhexyl methoxycinnmate เป็นสารดูดซับรังสี UVB ถ้าเคลือบอยู่บนเกล็ดผม ก็จะช่วยปกป้องเส้นผมจากรังสี UV ได้อีกทาง
  • Tocopheryl acetate เป็น Antioxidant

ในภาพรวม ครีมนวดถ้าดูจากส่วนผสม จะดูเหมือนค่อนข้างเบา ผมเสียมากๆ ผมทำสี ผมเส้นเล็กแบบดิฉันจะไหวไหม แต่พอได้ลองใช้จริงก็คือแบบ เออ ไหวอ่ะ น้องทำถึงมาก เคลือบผมให้เงางาม และนุ่มมีน้ำหนัก แต่ไม่เยิ้ม

มาให้คะแนนกัน

  1. สารบำรุง รวมสารปรับสภาพเส้นผม น้องใช้ Cationic surfactant เป็นตัวปรับสภาพเส้นผม ร่วมกับซิลิโคน และ Shea butter เพื่อเสริมความเงาวาวให้เส้นผม เสริมสารสกัดจากพืชตามเทคโนโลยี Botaniplex® ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ และสารบำรุงอื่นๆ ให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีสารที่ไม่เป็นมิตรกับผิว เลยไม่มีที่ให้หักคะแนน รับไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน อย่างที่เกริ่นไปว่า ถ้าดูจากส่วนผสม ส่วนตัวจะคิดว่า น้องน่าจะเบา คนผมเส้นเล็ก ผมแห้งมาก เสียมาก ทำสีมา น่าจะเอาไม่อยู่ แต่ผิดคาด นางไหว นางทำถึงมาก ผมนุ่มสวย มีน้ำหนัก และเงางามตามท้องเรื่อง ให้ไป 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางแบรนด์ Kamedis สาขาประเทศไทย ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆ มาให้ได้เปิดหูเปิดตา และทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามทางแบรนด์ได้โดยตรงเลยนะคะ

https://web.facebook.com/Kamedisth

ทางไปตำแชมพู

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.Mrvj1?cc

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/qNva39KyC

ทางไปตำครีมนวด

แอพฟ้า https://s.lazada.co.th/s.p9hXf?cc

แอพส้ม https://s.shopee.co.th/4pu4LJ0er7

Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Kamedis สาขาประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ

Image

รีวิว/วิเคราะห์ส่วนผสมแชมพูดูแลปัญหารังแค Vichy Dercos Technique Anti-dandruff DS dermatological shampoo

สำหรับวันนี้เรามาลองดูบทวิเคราะห์ส่วนผสมแชมพูดูแลปัญหารังแคจาก Vichy ที่กำลังโด่งดังกัน

น้องเป็นแชมพูรุ่นขวดสีเขียว ที่มีชื่อว่า Vichy Dercos Technique Anti-dandruff DS dermatological shampoo ซึ่งมีหน้าตาประมาณนี้

เวลาเราไปที่ร้านเขาจะมีแพคเกจนอกอีกชิ้นหนึ่ง ที่มีหน้าตาประมาณนี้ค่ะ

ขวดข้างในเป็นรูปแบบนี้

สำหรับเนื้อแชมพูจะมีสีเหลือง มีกลิ่นในโทนสะอาด สดชื่น  ตอนสระอาจจะได้กลิ่นอ่อนๆ ของ Selenium sulfide ที่มีกลิ่นเฉพาะตัวตามธรรมชาติอยู่ด้วย

ฟองดี ฟองเยอะ ในภาพจะใช้ที่ตีฟองของไดโซตีเอานะคะ

pH ของฟองอยู่ที่ ราวๆ 4 – 5 ซึ่งถือว่าไม่เป็นด่างมากไป ถ้าเทียบกับสารทำความสะอาดบางตัวที่มักจะให้ค่า pH ที่ค่อนข้างสูง

ผลิตภัณฑ์นี้ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยในอาสาสมัครมาแล้วโดยสถาบัน Dermscan ประเทศฝรั่งเศส พบว่า เมื่อใช้ต่อเนื่อง 4 สัปดาห์ จะดูแลปัญหารังแคกลับเป็นซ้ำได้ 6 สัปดาห์

สำหรับคำเคลมของทางแบรนด์เรื่องการดูแลรังแคก็คือ เน้นไปที่ 3 actions

  • ขจัดรังแคที่มองเห็นตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้
  • ปรับสมดุลความมันบนหนังศีรษะ
  • ฟื้นบำรุงหนังศีรษะและเส้นผมให้ชุ่มชื้น

ก่อนไปดูส่วนผสมขอเล่าเรื่องการเกิดรังแคแบบสรุปรวบตึงซักหน่อย

รังแคนี่เป็นความผิดปกติที่เดิมทีเราเชื่อว่าเกิดจากยีสต์ Malassezia furfur แต่หลังๆ เราเจอว่ามีปัจจัยอื่นๆ อีกมาก เพราะการมียีสต์ M. furfur เยอะๆ ไม่ได้ทำให้เกิดรังแคเสมอไป มีปัจจัยส่วนตัวบุคคลอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Microbiome ความไวของผิวต่อ Oleic acid ของแต่ละคนไม่เท่ากัน บ้างก็ว่าพันธุกรรมก็มีผล ความเครียดเอย UV เอย

สาเหตุในการเกิดว่ากันว่า เริ่มแรกมาจากต่อมไขมันของเรา สร้างไขมันออกมา ไขมันที่ต่อมไขมันสร้างเป็นกลุ่ม Triglyceride โดย เชื้อในกลุ่ม Malassezia spp. มีเอนไซม์ Lipase ที่ไปย่อยไขมัน ได้เป็นกรดไขมัน

เชื้อ Malassezia spp. มันจะเลือกกินแต่กรดไขมันอิ่มตัว เหลือกรดไขมันไม่อิ่มตัวเอาไว้ โดยหนึ่งในนั้นที่มีความสำคัญคือ Oleic acid ถ้ามีมากๆ ก็จะไปกวน Barrier ผิว และทำให้เกิดความผิดปกติในหลายๆ ระดับ ตั้งแต่เรื่องการสร้าง-เจริญ-เปลี่ยนแปลงโครงสร้างหน้าที่-ผลัดออกทิ้ง เมื่อกระบวนการนี้ผิดปกติไป มันก็เลยเห็นเศษเซลล์เป็นแผ่นๆ เป็นรังแค

รังแคมีหลายรูปแบบ อาจจะมีสีขาว สีเทา หรือสีเหลืองก็ได้ถ้ามีพวกน้ำมันอยู่มาก

ในภาพรวมสรุปได้ประมาณภาพนี้ค่ะ

สำหรับส่วนผสมทั้งหมดของแชมพูนี้เป็นดังนี้ค่ะ

สำหรับส่วนผสมวันนี้ค่อนข้างไปในทาง “The less is more” โดยเลือกใช้สารบำรุงที่ตอบโจทย์แบบเน้นๆ ไม่มีสารอื่นมาวุ่นวายจนเยอะไป

เนื่องด้วยเป็นแชมพู เลยขอกล่าวถึงสารทำความสะอาดนิดหน่อยค่ะ

  • สารทำความสะอาด แทนด้วยสีน้ำตาล มีสารทำความสะอาดหลักๆ 2 ตัว คือ Sodium laureth sulfate (SLES) ที่เป็นสารทำความสะอาดประจุลบ ให้ฟองดี ทำความสะอาดดี เสริมมาด้วย Coco-betaine ที่เป็นสารทำความสะอาดชนิด 2 ประจุ ที่มีความอ่อนโยน พอเอามาเสริม SLES ก็จะช่วยให้สูตรอ่อนโยนขึ้น
  • สารบำรุงที่ดูแลเรื่องรังแค แทนด้วยสีน้ำเงิน ได้แก่
    • Selenium sulfide เป็นสารที่ได้รับการยอมรับให้ดูแลรังแคจาก USFDA โดยมีกลไกการออกฤทธิ์หลายระดับ ตั้งแต่ ยับยั้งการแบ่งเซลล์ที่มากเกินไป ไปจนถึงยับยั้งการเจริญของเชื้อยีสต์ และควบคุมความมัน
    • Salicylic acid เป็นสารที่ได้รับการยอมรับให้ดูแลรังแคจาก USFDA อีกตัวหนึ่ง โดยมีกลไกการออกฤทธิ์ผ่านการย่อยสลายเซลล์ขี้ไคลที่อุดตันอยู่ รวมไปถึงมีประโยชน์ในการลดการอักเสบระคายเคือง
  • สารสีเขียว 2-oleamido-1,3-octadecanediol ตัวนี้เป็นสารสิทธิบัตรของเครือ L’Oréal มีชื่อเล่นว่า Ceramide R ซึ่งเป็นสารที่มีโครงสร้างคล้ายกับ Ceramide ที่ช่วยดูแล Barrier ผิว ในคนเป็นรังแค พบว่า Barrier ผิวจะค่อนข้างอ่อนแอเมื่อเทียบกับคนปกติ การฟื้นฟู Barrier ก็จะได้ประโยชน์ในระยะยาวต่อไป
  • สีม่วง สารอื่นๆ ได้แก่ Menthol ที่ให้ความเย็น และ Tocopheryl acetate เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินอี ซึ่งเป็น Antioxidant

อีกจุดที่แบรนด์เคลมเข้ามาคือเรื่องของ Microbiome technology

ซึ่งถ้าเรากล่าวถึงเรื่อง Microbiome กับการเกิดรังแคนั้นสามารถเล่าย่อๆ ได้ประมาณว่า ถ้าระบบ Microbiome ของหนังศีรษะอยู่ในภาวะสมดุล หนังศีรษะก็จะมีสุขภาพดี โดยถ้าเป็นที่ผิวหนังนั้นงานวิจัยค่อนข้างชัดแล้วว่า Microbiome ทำอะไรกับผิว และทำให้ผิวแข็งแรงได้อย่างไร แต่ถ้าเป็นที่หนังศีรษะนั้นยังไม่ชัดเจน ยังมีอะไรใหม่ๆ มาอัพเดทให้กับวงการและมีงานวิจัยออกมาเรื่อยๆ

มีงานอยู่ชิ้นหนึ่งที่ศึกษา Microbiome ของคนที่มีหนังศีรษะสุขภาพดี เทียบกับคนที่เป็นรังแค พบว่ากลุ่มเชื้อแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลย โดยในคนที่เป็นรังแค เมื่อเทียบสัดส่วนระหว่าง M. restricta/M. globosa ในคนที่เป็นรังแคนั้นสูงกว่าคนปกติมาก (Front Cell Infect Microbiol. 2018;8:346.) ซึ่งเจ้า M. restricta นั้นเป็นตัวที่มี Lipase ไปย่อยไขมัน Triglyceride ให้กลายเป็นกรดไขมันอิสระ แล้วเจ้ายีสต์ก็ไปกินกรดไขมันอิ่มตัว เหลือกรดไขมันไม่อิ่มตัวมากๆ โดยเฉพาะ Oleic acid ตามที่ได้กล่าวไปด้านบน

นอกจากเชื้อยีสต์แล้ว พบว่าการมีแบคทีเรียชนิดดีนั้น ว่ากันว่าจะช่วยสร้างสารที่เป็นประโยชน์ต่อการเจริญของเส้นผม เช่น กรดอะมิโนบางชนิด ไบโอติน และสารกลุ่มวิตามินบี

มีการค้นพบว่าในคนที่เป็นรังแค สัดส่วนของ Cutibacterium/staphylococcus น้อยกว่าคนปกติ ซึ่งเมื่อ Staphylococcus โตมากขึ้น จะไปมีผลทำให้ Barrier ผิวอ่อนแอลง การระเหยของน้ำออกจากผิวมากขึ้น ค่า pH สูงขึ้น ทำให้ระบบการปกป้องตัวเองจากเชื้อก่อโรคน้อยลง และอ่อนแอลง (Exp Dermatol. 2021;30(10):1546-1553.)

ในภาพรวมแล้ว แชมพูนี้ดูแลรังแคผ่านหลายกลไกที่พอจะสรุปได้ประมาณภาพ

มาให้คะแนนกันดีกว่านะคะ

  1. สารบำรุง มีส่วนผสมของสารบำรุงที่ดูแลรังแคผ่านหลายกลไกและเสริมกันได้อย่างลงตัว ตั้งแต่เรื่องของการสร้างน้ำมัน ต่อต้านการเจริญของเชื้อยีสต์ Malassezia และให้ประโยชน์ไปถึงการดูแล Barrier ผิว ปรับสมดุลการแบ่งตัว ย่อยสลายเซลล์ที่เกาะติดกันผิดปกติ และ มีเทคโนโลยี Microbiome ที่ปรับสมดุล Microbiome บนหนังศีรษะ ที่จะดูแลรังแคในระยะยาว สมกับคำเคลมเรื่องของการดูแลเรื่องการกลับเป็นซ้ำ ในช่วง 6 สัปดาห์ จุดนี้ขอให้ไป 5 ฟลาสก์
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ในด้านของสารทำความสะอาด ถึงแม้จะเป็นพวก SLES แต่ก็ยังมีเสริมมาด้วย Coco-betaine ที่น่าจะให้ความอ่อนโยนเพิ่มขึ้น และไม่มีส่วนผสมอื่นๆ ที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ให้ไป 5 ฟลาสก์
  3. การใช้งาน ส่วนตัวเป็นคนชอบแชมพูที่มีฟองเยอะๆ ซึ่งน้องทำมาได้ตอบโจทย์ ในเรื่องของความสะอาดตอนสระก็คือ ทำมาได้ดี กลิ่นจะเป็นแนวสดชื่น แมนๆ เหมือนน้ำหอมผู้ชาย อาจจะมีผมแห้งบ้าง เมื่อสระน้ำ 2 แต่ส่วนตัวก็เป็นคนที่ผมเส้นเล็ก และแห้งง่าย พันง่ายอยู่แล้ว และสูตรนี้ออกแบบมาสำหรับคนผมธรรมดา-ผมมัน เลยไม่ติ สำหรับเราถ้าใช้สระเสร็จแล้วลงครีมนวด ก็ปกติดี ในเรื่องของรังแค ส่วนตัวไม่ได้มีปัญหาเรื่องของรังแคแล้ว ใช้สัปดาห์ละ 1 – 3 ครั้ง ก็ถือว่าดูแลปรับสมดุลหนังศีรษะ จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์

สุดท้ายนี้อยากขอบคุณทางแบรนด์ Vichy สาขาประเทศไทยด้วยนะคะ ที่ส่งสินค้าดีๆ มาให้ได้เปิดหูเปิดตาและทดลองใช้ และขอบคุณทุกท่านด้วยค่ะที่ติดตามรับชมมาจนจบ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ทางแบรนด์โดยตรงเลยนะคะ

https://www.facebook.com/Vichy?brand_redir=115121698517838

ส่วนใครที่คันไม้คันมือแล้วอยากช็อปปิ้ง เรียนเชิญได้ตามช่องทางที่สะดวกเลยค่ะ

LazMall: https://invol.co/clis7ku

Shopee Mall: https://invl.io/clis7lf

Watsons: https://invol.co/clis7mc

Disclaimer/Conflict of interests: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากทางแบรนด์ Vichy สาขาประเทศไทย การรีวิวครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ส่วนผสม/วัตถุดิบตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและอาศัยความเห็นส่วนบุคคล และผู้เขียนไม่ได้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ